วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 23, 2549

คติสอนหญิง: เจ้าสาวที่กลัวฝน กับ เจ้าสาวที่อยากตากฝน

ที่จริงเรื่องนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่น่าสนใจนัก เพราะเป็นเรื่องของ "ความรัก กับ ผู้หญิง"

แต่พอโตมาในระดับหนึ่งทำให้ฉันคิดว่า มันน่าคิด น่าสนใจเหมือนกันนะ เมื่อฉันได้เห็นความรักของผู้หญิงในแต่ละช่วงวัย ตามวัยที่เพิ่มขึ้นของตัวฉันเอง ทำให้มองเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่น่าพูดถึง คือเรื่องความรักของผู้หญิงแต่ละช่วงวัยที่มีปัญหา มีความน่าสนใจแตกต่างกัน ฉันแอบสังเกตความรักของเพื่อนๆ หลายคน ตั้งแต่ยังวัยรุ่น ผู้หญิงวัยรุ่นจะแบ่งเป็นสองพวก คือ พวกสนใจความรัก กับ ไม่สนใจความรักเลย

จนเวลาผ่านไปหลายปี ฉันยังแอบสังเกตความเป็นไป เรื่องความรักของพวกเขาอยู่ คราวนี้เป็นความรักในวัยผู้ใหญ่เป็นความจริงขึ้น คือความสุข ความทุกข์ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะเป็นความรักที่ต้องหาใครสักคนมาอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต

พอถึงเวลานี้ ฉันยังคงเห็นผู้หญิงแบ่งเป็นสองพวก แต่เป็น "เจ้าสาวที่กลัวฝน" กับ "เจ้าสาวที่อยากตากฝน"

เจ้าสาวคนไหนที่กลัวฝนก็ช่างเขาเถอะนะ เพราะฉันไม่รู้ความละเอียดอ่อนในใจเขา หรือเขาอาจจะมีความสุขดีกับการอยู่ในที่ร่ม อบอุ่น สบาย ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนพ้อง พี่น้อง เรื่องอะไรจะต้องไปเดินตากฝนให้มันวุ่นวาย

ที่ฉันสนใจตอนนี้ คือเจ้าสาวที่อยากตากฝน ผู้หญิงที่อยากมีความรัก อยากมีคนรักแต่ยังไม่มีและพยายามที่จะมีจนเป็นกังวลเกินไป มักจะเกิดกับผู้หญิงที่อยู่ในวัยที่เหมาะสมแล้วเป็นผู้ใหญ่พอแล้วแต่ยังไม่มีแฟน ผู้หญิงรอบๆ ตัวฉันหลายคนเป็นแบบนี้ แล้วยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่กังวลกับเรื่องแบบนี้ เมื่อไม่มีแฟนก็พยายามมี ผู้ชายหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จึงรักกันได้ไม่นานนัก เพราะความรีบตากฝนนี่แหละ

ฉันทะเลาะกับเพื่อนคนหนึ่งเป็นประจำกับเรื่องนี้ แล้วก็ยังคงทะเลาะกันอยู่สม่ำเสมอ "เธอคนนั้นอยากตากฝน แต่ฝนไม่ตกสักที" ส่วนฉัน ! ไม่อยากให้เธอรีบตากฝน เพราะไม่อยากเห็นเธอเป็นหวัดซ้ำๆ ซากๆ ก็หลายครั้งที่ความรักเธอไปไม่รอด ด้วยเหตุผลทางธรรมชาติของผู้หญิงกับผู้ชาย ฉันถามเธอว่าจะรีบไปไหน... (อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ !) เธอตอบว่า เธอไม่อยากอยู่คนเดียว กลัวมีลูกช้า เดี๋ยวลูกปัญญาอ่อน เดี๋ยววิ่งไล่จับลูกไม่ไหว กลัวไม่มีใครดูแล กลัวคนว่าทำไมหาแฟนไม่ได้สักที เพราะคนอื่นเขามีกันหมดแล้ว

อ่านถึงตรงนี้เธอคงคิดว่าเพื่อนฉันเป็นสาวแก่ไม่มีใครมาจีบ ไม่เลย.. เธอเพิ่งจะ 20 ต้นๆ และก็เป็นคนสวย และที่ว่ามีลูกช้าแล้วลูกจะปัญญาอ่อนก็ไม่เห็นจะจริงเลย โกหกทั้งเพ !

ก็พ่อแม่เพื่อนฉันเกือบทุกคนก็มีพวกเขาหลังอายุ 30 กันทั้งนั้น ฉันเห็นพวกเขาเรียนเก่งกันทุกคน เป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นครูเป็นอาจารย์กันทั้งนั้น สอบชิงทุนไปเรียนต่อเมืองนอกได้ก็เยอะ ไม่เห็นมีใครเอ๋อ ! เด๋อด๋าสักคน

เพราะพ่อแม่ของพวกเขามีลูกในวัยที่พร้อม ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ อีกทั้งฐานะทางการเงิน สามารถดูแลลูกให้โตมามีคุณภาพในทุกๆ ด้าน สามารถสร้างครอบครัวและสังคมที่แข็งแรงต่อไป เนี่ยแหละที่ฉันพยายามหาคำตอบ และก็เหมือนจะได้คำตอบที่เป็นเหตุผลฟังขึ้นดี เลยอยากเล่าสู่กันฟัง...

เอาล่ะ ! เจ้าสาวที่อยากตากฝนทั้งหลายอย่าเพิ่งซีเรียส ถ้าเธอยังไม่มีแฟนหรือยังหาแฟนไม่ได้ มีผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งให้เหตุผลที่น่าเชื่อถือ (อันนี้ ฉันไม่ได้คิดเอาเองหรอกน่า) และเป็นไปได้เกี่ยวกับผู้หญิงในวัยหนึ่งอย่างน่าสนใจ เขาบอกว่า ตามธรรมชาติของจิตใจผู้หญิง เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่ง อาจเป็นรอยต่อของความเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นแต่ยังขาดความมั่นใจ เมื่อต้องพึ่งพาครอบครัวน้อยลง จึงกลัวที่ต้องอยู่คนเดียวเลยอยากแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์เป็นของตัวเอง คือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 20 จนถึง 25 ปี

ในขณะที่ผู้ชายในวัยเดียวกัน เขากำลังก้าวผ่านพ้นวัยรุ่นและภูมิใจกับความเป็นผู้ใหญ่ ทางด้านจิตใจผู้ชายจะโตช้ากว่าผู้หญิงนิดหน่อย เขาเลยสนุกกับชีวิตผู้ใหญ่ที่ทำอะไรได้อิสระเสรี สนุกกับงาน สนุกกับการใช้เงินของตัวเอง และพึ่งพาตัวเองได้ เขาจึงหวงแหนอิสระ และกลัวการผูกมัดเป็นที่สุด

ความต้องการมันสวนทางกัน คล้ายๆ กับผู้ชายพยายามวิ่งหนี ส่วนผู้หญิงพยายามวิ่งตาม ที่จริงแล้วเขาไม่ได้หนีเธอหรอก เขาแค่กำลังเห่อชีวิตที่เป็นของเขาอย่างเต็มที่ เดี๋ยวอีกสักพักความรู้สึกของเจ้าสาวที่อยากตากฝนจะเปลี่ยนไป

เมื่อพ้นช่วงนี้ไปจนอายุเกิน 27 ปีไปแล้ว ผู้หญิงจะเริ่มมีความมั่นใจ นับถือตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่เดือดร้อนกับความสวยหรือไม่สวยของตน ยอมรับและนับถือตัวเองมากขึ้น เธอจะมีความสุขและสนุกกับชีวิต มีภาระหน้าที่ให้รับผิดชอบ จนลืมเรื่องแฟน หรือเรื่องแต่งงาน แต่ผู้หญิงมักจะได้แต่งงาน หรือมีแฟนที่ดีในช่วงนี้ เพราะความนับถือตัวเอง ความมั่นใจ จะทำให้ผู้หญิงค่อยๆ คิด ค่อยๆ เลือก จะมีแฟนหรือไม่มีแฟนก็อยู่ได้ พึ่งพาตัวเองได้

ส่วนผู้ชายที่เคยเป็นเด็กซน จนถึงวัยหนึ่ง เขาจะนิ่งพอและอยากมีครอบครัว และที่แน่ๆ คนที่อยากตากฝนจริงๆ น่ะ คือผู้ชายต่างหากล่ะ ผู้ชาย... เป็นเพศที่กลัวการอยู่คนเดียวมากกว่าผู้หญิงเสียอีก แล้วเขาจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาผู้หญิง และขอผู้หญิงแต่งงานเอง

รถไฟขบวนสุดท้ายไม่มีในโลกหรอก เพราะคนเราต้องเดินทางตลอดชีวิต ยอมตกรถสักพักเถอะ รอให้เช้า และมีขบวนใหม่มา ดีกว่ารีบโดดขึ้นขบวนสุดท้าย ที่มันสนิมเขรอะ ผุๆ พังๆ ระวัง ! จะเป็นบาดทะยักตาย

"ใจเย็นน่าเจ้าสาวทั้งหลาย รับรองได้....ไม่ว่าเธอจะสวยมาก สวยน้อย หรือสวยพอดีๆ พอถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่ เจ้าสาวทุกคนจะได้ตากฝนแน่นอน..."

วันอังคาร, พฤศจิกายน 21, 2549

ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจยังไม่ทราบ

หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก

ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้าย ให้กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติ แม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์นี้ได้..ลองดูสิครับ
หมายเหตุ – ถ้าอยู่ดาวอังคารคงใช้ไม่ได้...ฮ่า

กรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ...สำหรับรถที่ใช้ Remote Key

ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ)เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขาให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรอง ในขณะที่เราถือมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต คนที่อยู่บ้านที่เราวานให้กดต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่ม)ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเองเลยแหละ ระยะทางไม่มีปัญหาแม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็น ร้อย ๆ กม.ก็ตาม

แบ็ตมือถือใกล้จะหมด *3370# ช่วยท่านได้

สำหรับมือถือ Nokia ถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มทีจนใกล้ดับแต่เราจำเป็นต้องโทรออก ให้กด *3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมา แล้วแสดงให้เห็นว่าเพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบ็ตครั้งต่อไป

ถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป

เราต้องใช้หมายเลข serial number ประจำเครื่องซึ่งมี 15- 17 หน่วย การที่จะทราบหมายเลขนี้ก็ไม่ยากครับ กด *#06# แล้วหมายเลขประจำเครื่องก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกล จดไว้ครับแล้วเก็บไว้ให้ดี... ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่นให้โทรไปที่ศูนย์แล้วแจ ้งหมายเลขให้เขาไป เขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้ แล้วทีนี้มือถือที่หายไปจะใช้ไม่ได้อีกเลย ถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน Sim card มันก็จะยังใช้ไม่ได้อยู่ดี ทำได้อย่างเดียวคือ ไว้เขวี้ยงหัวหมาหรือหลังคาคนอื่น หรือมากกว่านั้นก็อาจจะหลอกไปขายต่อได้..ถ้าคนซื้อต่อเขาไม่รู้....

วันพุธ, พฤศจิกายน 15, 2549

เคล็ดลับน่ารู้

:: เคล็ดลับแม่บ้าน ::

ไข่ขาวกับน้ำร้อนลวก
ไข่ขาวมีคุณสมบัติในการรักษาน้ำร้อนลวกได้ ให้นำไข่ขาวมาทาบริเวณที่ถูกน้ำร้อนลวกให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้งสักพักแล้วล้างออก จะทำให้ผิวหนังไม่มีรอยแดงหรือพอง ข้อสำคัญคืออย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นก่อนทาไข่ขาวนะ

ยาหม่องกับคราบหมากฝรั่ง
เมื่อผ้าติดหมากฝรั่งให้นำยาหม่องมาทาแล้วถูไปมา ไม่นานหมากฝรั่งก็จะหลุดออกจนหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

หลอดดูดกับซอสมะเขือเทศ
เวลาเทซอสมะเขือเทศไม่ออก ให้นำหลอดดูดใส่ลึกไปจนถึงก้นขวดเพื่อให้อากาษสามารถแทรกผ่านเข้าไปในขวดได้ ซอสก็จะไหลออกมาได้ง่ายขึ้น

ถุงน่องกับน้ำเกลือ
นำถุงน่องใหม่ไปแช่น้ำเกลือสัก 3ชั่วโมง นำไปล้างน้ำเย็นแล้วจึงตากให้แห้ง น้ำเกลือสามารถทำให้ถุงน่องคงสภาพและเหนียวทนนานได้

พริกกับแมลงวัน
เวลาตากของแห้งแล้วมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง5-6เม็ดเสียบไปรอบกระด้ง ไอร้อนของพริกจะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้ามาใกล้

เบียร์กับเกลียวขึ้นสนิม
รินเบียร์ไปบนเกลียวขึ้นสนิม ทิ้งไว้สัก 2-3นาทีแล้วหมุนอีกที ความเป็นกรดของเบียร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเศษสนิมทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น

เหรียญสลึงกับแจกันดอกไม้
หย่อนเหรียญสลึงลงในแจกันดอกไม้ ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทำให้ดอกไม้เหี่ยวเฉาช้าลง

:: ความเชื่อเรื่องสุขภาพ ::

การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ?
จริง เพราะโกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล

การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ?
จริง เพราะการที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเราจึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย

การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ?
จริง เพราะในเนยมีกรดอมิโนที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น

กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ?
จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย

เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ?
จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูงเมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ?
จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง

กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ?
ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้

:: รู้ไว้ใช่ว่า ::

เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก
การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออกไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม

การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้
กลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้
ถ้าเสียบแผ่นสังกะสีและแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออนทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน

การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า
ความเครียดที่เกิดขึ้นทั้งระหว่างและหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือดที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า

แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้
แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้

การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้
สมองจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ออกมาเวลาที่เราฟังเพลง ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมาช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้

การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้
อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

:: เคล็ดลับความงาม ::

การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้
ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นจนทำให้ขาใหญ่ ถ้าหากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว
เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นในที่สุด

คนผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน
คนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส
โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

การฝึกกลั้นหายใจสามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้
การหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลมแล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำได้

กาวตราช้างใช้รักษาส้นเท้าแตกได้
เมื่ออปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้
การเต้นรำเพียงวันละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

วันศุกร์, พฤศจิกายน 10, 2549

ความรัก..กับนายแมลงปอ..

มีเมืองเล็กๆที่สวยและสงบสุขเมืองหนึ่ง มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมาก...
ทุกวันพวกเขาจะพากันไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาด และไปส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ชายหาดตอนโพล้เพล้ ทุกคนที่เคยพบเจอพวกเขา จะมองด้วยสายตาอิจฉาในความรักของคนคู่นี้เสมอ...

แต่แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น หญิงสาวผู้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เธอก็ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา
ตอนกลางวัน..ชายหนุ่มจะมาเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียงร้องเรียกคนรักของเขาเสมอ ทั้งๆที่เธอไม่เคยตอบสนองแต่อย่างใดเลย
ตกกลางคืน... ชายหนุ่มจะไปสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าที่โบสถ์นอกเมือง เขาร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง จนไม่มีจะไหลออกมาอีกแล้ว...

ผ่านไป 1 เดือน...
หญิงสาวยังคงหลับใหลไม่ฟื้นเหมือนเดิม ส่วนชายหนุ่มก็ดูจะซูบเซียวลงทุกวัน แต่ก็ยังคงสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู้เสมอ ไม่เคยหยุด...

แต่แล้ววันหนึ่ง...
พระผู้เป็นเจ้าก็เกิดเห็นใจในรักของชายหนุ่ม และตกลงที่จะประทานพรให้แก่เขา
พระผู้เป็นเจ้าได้ถามชายหนุ่มว่า "เจ้ายอมที่จะแลกพรนี้ ด้วยชีวิตของเจ้าไหม"
ชายหนุ่มตอบโดยไม่ลังเลว่า "ผมยอมครับ"
พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า "งั้นดี ข้าจะให้คนรักของเจ้าฟื้นขึ้นมา แต่ต้องแลกกับการที่เจ้าต้องกลายเป็นแมลงปอเป็นเวลา 3 ปี เจ้าตกลงจะยอมไหม"
ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น ก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิม "ผมยอมครับ"



ฟ้าสางแล้ว...
ชายหนุ่มได้กลายเป็นแมลงปอสวยงามตัวหนึ่ง เขาบอกลาพระผู้เป็นเจ้า แล้วรีบบินกลับไปที่โรงพยาบาล หญิงสาวฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ มีนายแพทย์หนุ่มยืนอยู่ข้างๆเธอ คุยเรื่องอะไรกันสักอย่างหนึ่ง แต่ช่างเสียดายที่เขาไม่สามารถที่จะได้ยิน

หลายวันผ่านไป...
หญิงสาวแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่เธอดูไม่มีความสุขเลย เธอออกตระเวนหาข่าวคราวของชายหนุ่ม แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มหายไปอยู่ที่ไหน หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะตามหาชายคนรักของเธอ

ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในร่างของแมลงปอ ได้แต่บินวนเวียนอยู่รอบตัวหญิงสาวไม่ห่าง ทว่าเขาไม่สามารถส่งเสียง ไม่สามารถโอบกอดเธอ เขาทำได้แค่เพียง...เฝ้ามองดูหญิงสาวไม่ให้คลาดสายตาเท่านั้น

ฤดูร้อนผ่านไปแล้ว...
ลมฤดูใบไม่ร่วงพัดใบไม้ปลิวร่วงหล่นจากต้นไม่ใหญ่ เจ้าแมลงปอจำต้องจากที่นี่ไปแล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้บินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาว เขาอยากใช้ปีกของเขาลูบใบหน้าของหญิงสาว อยากใช้ปากเล็กๆ จูบที่หน้าผาก...
แต่อย่างไรก็ดี ร่างเล็กบอบบางในคราบของแมลงปอก็ไม่สามาถเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวได้...

แค่พริบตา ฤดูใบไม่ผลิก็มาเยือน...
เจ้าแมลงปอรีบบินกลับมาหาคนรักของเขา เพื่อที่จะพบว่าร่างอันคุ้นตานนั้น บัดนี้ได้ยืนเคียงคู่อยู่กับชายรูปร่างสันทัดคนหนึ่ง ภาพๆ นั้นทำให้เจ้าแมลงปอเกือบจะบินตกลงมาจากอากาศเลยทีเดียว ชาวบ้านต่างกล่าวขานถึงเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ได้พบกับแพทย์หนุ่มที่น่ารักและใจดีคนนั้น และยังกล่าวถึงความรักของคนทั้งคู่ ที่เหมือนถูกกำหนดมาอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอน พวกเขายังคงพูดถึงหญิงสาวที่สดใสร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก
เจ้าแมลงปอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

หลังจากนั้นไม่กี่วัน...
แมลงปอก็เห็นแพทย์หนุ่มผู้นั้น พาคนรักของตนไปชายทะเลเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น พลบค่ำก็อยู่ที่ชายหาด เพื่อดูพระอาทิตย์ตก
แต่สำหรับเขาแล้ว... นอกจากบินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาว เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

หน้าร้อนของปีนี้ช่างยาวนานนัก...
เจ้าแมลงปอบินต่ำลงๆ ทุกวัน ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด เขาไม่มีเรี่ยวแรงพอ ที่จะบินเข้าใกล้หญิงอันเป็นที่รัก ท่าทางการพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของคนทั้งคู่ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทั้งคู่ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนัก...

ย่างเข้าฤดูร้อนของปีที่ 3...
เจ้าแมลงปอไม่ได้ไปเฝ้าดูคนรักของเขาแล้ว บ่าของเธอบัดนี้ถูกโอบกอดด้วยมือของแพทย์หนุ่ม ใบหน้าถูกประทับจูบอย่างเบาๆ จากเขาผู้นั้นดูท่าทางแล้วไม่มีทางเลยที่หญิงสาวจะมีเวลาไปคิดถึงแมลงปอที่เจ็บปวดตัวหนึ่ง และยิ่งไม่มีทางที่จะไปคิดถึงอดีตที่ผ่านไป

วันครบรอบปีที่ 3 ที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดไว้ใกล้มาถึงแล้ว...
คนรักของเจ้าแมลงปอกับนายแพทย์หนุ่ม ได้จัดพิธีแต่งงานขึ้นในวันสุดท้ายนั่นเอง เจ้าแมลงปอค่อยๆ บินเข้าไปในโบสถ์ และไปเกาะที่บ่าของพระผู้เป็นเจ้า
เขาได้ยินเสียงคนรักที่ดังมาจากข้างล่าง ตอบรับคำสาบานของพระผู้เป็นเจ้าว่า "ฉันยอมรับ"
เขาเห็นแพทย์หนุ่มคนนั้นสวมแหวนให้คนรักของเขา ตามด้วย...จุมพิตที่แสนหวานของคนทั้งคู่

เจ้าแมลงปอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา...
พระผู้เป็นเจ้าถามแมลงปอว่า "เจ้ารู้สึกเสียใจไหม"
เจ้าแมลงปอเช็ดน้ำตาแล้วตอบเสียงสั่นพร่าว่า "ไม่ครับ"
พระผู้เป็นเจ้าถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า "งั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ได้กลับเป็นเจ้าคนเดิมแล้ว"
เจ้าแมลงปอส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนตอบว่า "ขอผมเป็นแมลงปออย่างนี้ไปตลอดชีวิตเถอะครับ"

บางบุพเพ...ถูกกำหนดมาเพื่อที่ต้องสูญเสียไป
บางบุพเพ...ตอนจบไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
รักคนคนหนึ่ง...ไม่จำเป็นต้องได้รับรักตอบ
แต่เมื่อได้รับรักจากใครคนหนึ่ง...เราต้องดูแลรักษามันไว้อย่างดี

...บนบ่าของคุณมีแมลงปอไหม...??