คอมพิวเตอร์ (Computer)
หมายถึง เครื่องทรมานชนิดหนึ่ง คอมพิวเตอร์เครื่องแรกประดิษฐ์ขึ้นโดย โรเจอร์ บิลลิงส์ลีย์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทรมานจอมเผด็จการฮิตเลอร์ โรเจอร์เสแสร้งเป็นพันธมิตรเยอรมันและมอบสิ่งประดิษฐ์ของเขาเป็นของขวัญให้ จอมเผด็จการ แผนได้ผลในวันที่8 เมษายน1945 ฮิตเลอร์ อารมณ์เสียอย่างหนักเมื่อเจอไวรัสกินฐานข้อมูลเสียหายยับเยินจนทำให้เยอรมันแพ้หมดรูป ฮิตเลอร์ตัดสินใจฆ่าตัวตายหลังสงครามโลก โรเจอร์หันมาทำงานให้บริษัทไอบีเอ็ม
ฮารด์แวร์
(Hardware)
คืออุปกรณ์ทุกส่วนของคอมพิวเตอร์ที่สร้างมาให้ยากต่อการใช้
- (Hard) กระด้าง
- (Hard) ปราศจากน้ำใจ
- (Hard) อึด ทนต่อความรุนแรง
- (Hard) จึงสามารถทุบตีตบเตะได้ตามใจปรารถนา
หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)
คืออุปกรณ์ทำหน้าที่บวก ลบ คูณ หาร หรือ คิดเมื่อได้รับคำสั่ง ความเร็วในการคิดขึ้นกับชิพ หรือสัตว์ที่ใช้ขับเคลื่อน รุ่น 386 เคลื่อนด้วยหอยทาก รุ่น 486เคลื่อนด้วยหนอน และรุ่น 586 ใช้ตัวตุ่น
เครื่องพิมพ์ (Printer)
หมายถึงอุปกรณ์ที่ทำให้หัวร่อมิได้ร่ำไห้มิออก บางคนเรียก ตัวกินกระดาษโครงสร้างสำคัญของพรินเตอร์มีเพียง 3 ส่วน คือ หนึ่ง ฝาครอบ สอง ช่องป้อนกระดาษที่ติดขัดตลอดปี และสายไฟกะพริบสีแดงบอกว่าเครื่องพิมพ์ขัดข้องตลอดปีเช่นกัน นิสัยเฉพาะของพรินเตอร์คือ ไม่ชอบพิมพ์สิ่งที่สั่งให้พิมพ์ ชอบพิมพ์สิ่งที่เราไม่ได้สั่งให้พิมพ์ และดื้อด้าน ไม่ยอมหยุดเมื่อเราสั่งให้หยุด
หน่วยความจำหรือเมโมรี (Memory)
ฟังจากชื่อ มันคือส่วนที่ฉลาดที่สุด แต่จากการกระทำมันโง่ที่สุด อะไรไม่ได้สักอย่างถนัดแต่โต้เถียงและชอบโยนความผิดให้อุปกรณ์ตัวอื่นที่ไม่มี ปากเสียง เมโมรีเป็นอาหารชั้นดีของไวรัส
นักเขียนโปรแกรม (Programmer)
สมัยเรียนหนังสือ เขาคือเพื่อนของเรา คนที่ชอบเล่นเกมในห้องเรียน ใส่แว่นตาหนาเตอะ เกรด เฉลี่ยใกล้ๆสี่ ขี้งก หวงวิชา ไม่คบคน ไม่เล่นกีฬา เข้ากับเพื่อนไม่ได้ เลือกเรียนคอมพิวเตอร์เพราะไม่อยากคบมนุษย์ ดังนั้นเมื่อเขียนโปรแกรม จึงเป็นผลให้โปรแกรมกับผู้ใช้งานติดต่อกันไม่รู้เรื่อง
คู่มือการใช้เครื่อง (Reference Manual)
วัตถุหนา เหมาะที่จะใช้รองใต้จอมอนิเตอร์ เพื่อยกจอให้อยู่ระดับสายตา ภาษาที่ใช้เขียนคู่มือ นิยมใช้ภาษาบาลีและขอม จึงต้องศึกษาทางธรรมมากๆจึงจะไม่คลุ้มคลั่งเวลาอ่าน
ช่องสัญญาณเข้าออก (Input/Output)
หมายถึงช่องทางติดต่อระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์ ช่องอินพุท คือ ช่องทางข้อมูลจากตัวเราไหลผ่านคีย์บอร์ดเข้าสู่คอมพิวเตอร์ นำข้อมูลที่พิมพ์อย่างบรรจง เว้นวรรค จัดรูปแบบ ตรวจทาน ทุ่มเทเวลาและกำลังงานเพื่อให้ข้อมูลเข้าสมบูรณ์พร้อม ส่วนช่องเอ๊าท์พุท คือ ช่องถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปยังพรินเตอร์ ข้อมูลที่ออกมามักเป็นขยะ ตัวอักษรประหลาดที่จะทำให้คุณกระอักเลือดด้วยความแค้น
ความช่วยเหลือ (Help)
ในทุกโปรแกรมจะมีช่องความช่วยเหลือกรณีที่คุณพบปัญหาในการทำงาน ช่อง Help จะช่วยทำปัญหา เล็กๆ ที่คุณสงสัยกลายเป็นปัญหาใหญ่ ช่วยให้คุณสับสน ขาดความมั่นใจหรืออาจทำให้เครื่องแฮงก์เพราะใช้ความจำเกินพิกัด
ผู้ใช้ (User)
เป็นคำเรียกรวมๆ หมายถึงคนที่ถูกทรมาน มักมีอาการจ้องมองหน้าจออย่างไร้จุดหมาย แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ เริ่มต้น ปานกลางและเชี่ยวชาญ
- ระดับเริ่มต้น คือคนที่นั่งนิ่งๆหน้าจอ ไม่กล้ากดปุ่มใดๆเลย เพราะกลัวเครื่องจะพัง
- ระดับปานกลาง คือคนที่กดปุ่มไปเรื่อยจนเครื่องพัง
- ระดับผู้เชี่ยวชาญ คือคนที่ทำเครื่องของเพื่อนพังบ่อยๆ แต่ของตัวเองไม่เป็นไร
โปรแกรมรุ่นอัลฟา (Alpha)
เป็นโปรแกรมทดสอบ ที่ผู้ผลิตลองวางตลาดเพื่อฟังข้อคิดเห็นจากผู้ใช้ อัลฟาเป็นภาษาละตินแปลว่า ไม่เคยทำงานได้
โปรแกรมรุ่นเบต้า (Bata)
เป็นโปรแกรมทดสอบที่ออกหลังรุ่นอัลฟา โดยผู้ผลิตนำข้อคิดเห็นจากผู้ใช้รุ่นอัลฟาไปปรับปรุงใหม่ เบต้าเป็นภาษาละตินแปลว่า ก็ยังทำงานไม่ได้เหมือนเดิม
เป็นมิตรกับผู้ใช้ (User Friendly)
ท่องไว้ในใจเสมอว่าไม่เคยมีมิตรแท้และศัตรูถาวรในวงการคอมพิวเตอร์และวงการเมือง
วันจันทร์, ธันวาคม 24, 2550
วันศุกร์, ธันวาคม 07, 2550
คนเรามีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ได้ยังไงบ้าง
ไปอ่านบล็อกของใครคนหนึ่งมาโดยบังเอิญ อันที่จริงต้องบอกว่ามั่วมากกว่า อยู่ว่างๆ มือมันซนก็เลยกดมันไปเรื่อยไปสะดุดตากับชื่อบล็อกเข้าก็เลยอ่านซะหน่อย เพราะ จข บล็อค เค้าตั้งหัวข้อเรื่องได้น่าอ่านต่อ
อ่านไปสองวรรคแรก เออ..เพลินดี คนอะไรวาทะศิลป์ กวนบาทาดีจริงๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากรู้ว่าใครหนอเป็นผู้เขียน เพราะเค้าใช้คำแทนตัวเองว่า "ฉัน" แต่ดูที่รูป อ้าว ผู้ชายหนิหว่าเลยไม่กล้าฟันธงว่าตกลง he or she กันแน่ เพราะลีลาการเขียนมันติดสาวนิดๆ แต่หน้าอย่างโหด เลยหยิบเอาข้อความกวนๆ ที่เคยเห็นใน FWD mail เมื่อนานมาแล้ว แต่อ่านทีไรก็ขำมาแปะซะ
คนเรามีความสุขกับสิ่งเล็กๆได้ยังไงบ้าง มาดูกัน..
1.ตอนอาจารย์ปล่อยก่อนเวลา
ช่าย.. แม้เพียง 5-10 นาที ก็ดีใจยิ่งกว่าถูกหวย เอ้อ.. เอาเป็นว่าดีใจมากก็ละกัน ไม่เคยถูกหวยเลยไม่รู้ว่าจะดีใจยังไง
2.แม่ค้าให้หมูเพิ่มมากกว่าปกติ2ชิ้น
ก็ถูกอีกแหละ ถึงแม้ชิ้นที่เพิ่มมามันจะเหมือนกับหมูพิการ เล็กๆ แกร็นๆ ก็เหอะ ได้มากกว่าปกติก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้สึกว่าคุ้มกว่าคนอื่นๆ
3.ตอนไม่มีเงินแล้วเจอตังตกอยู่ซอกเตียง 100 บาท
หึๆๆ อันนี้ไม่เคย เคยแต่ล้วงกระเป๋ากางเกงที่ใส่เมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งผ่านการซักรีดมาแล้ว แบงค์ขาว หอม สะอาดได้ที่ สภาพยังดีค่ะ โชคดีที่ไม่ยุ่ย
4.กำลังเดินไปรอรถแล้วมีสาย 70 มาเกยพอดี
ไม่เคยขึ้นสาย 70 อ่ะ มันผ่านตรงไหนมั่งหว่า เคยเจอกับสายอื่นเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนประถม ถ้าจะให้ดี รถต้องว่างแบบมีที่นั่งด้วยนะ
5.ตอนที่มองดูพฤติกรรมคนอื่นว่าเค้าทำอะไรกัน
อืมม.. ใช่ แบบว่าโรคจิตนิดๆ อยากดูว่าเค้ามุงๆ ดูๆ อะไรกัน เป็นเหมือนแมลงวันอีกตัวหนึ่งที่ต้องมนต์กองอึจนต้องแวะเวียนเข้าไปใกล้ๆ นี่ถ้าไม่กลัวเสียฟอร์มจะกระโดดไปอยู่กลางวงให้รู้แล้วรู้แรดไปเลย
6.ตอนมองดู "โอ๋" เฟคเสียงสวยใครอ่ะ
โอ๋ ชื่อนี้มีเต็มบ้านเต็มเมือง จะว่าไปที่นี่ก็มีนะ ชื่อโอ๋ เก็กเสียงสวยซะด้วย แต่ไม่รู้ดิคิดว่าคาแรกเตอร์เธอแปลกๆ
7.ตอนเห็นเสื้อผ้าใหม่ แต่ราคาถูกที่วังหลัง
อันนี้ไม่เคยเลย ไปวังหลังทีไรเห็นมีแต่เสื้อผ้าแบบถูกๆ ซึ่งก็สมกับราคาหลายๆ ตัวร้อยอยู่หรอกนะใส่ครั้งเดียวไม่หดก็ยืด ที่จริงก็เคยซื้อนะ เสื้อผ้าusedเนี่ย สมัยละอ่อน เริ่มจากยีนส์ Levi's ถ้าจะให้เท่ห์ต้องเป็นของแท้ ที่เก่า แต่สภาพดี (คอนดิชั่นเยอะ ขนาดนี้หายากโคตรๆ) สมองอันน้อยนิดที่คิดว่ายีนส์ดีต้องผ่านการใส่มาแล้วถึงจะเจ๋ง แล้วซื้อมาเพื่อไรรู้ป่ะ เอามาตัดขาเป็นกางเกงสามส่วน คิดได้ไงวะตรู??
8.คอนที่โทรไปเช็คเงินมือถือแล้วเหลือตังเยอะกว่าที่คาด
ไม่เคยเป็นสักที เพราะตั้งแต่ใช้มาเป็นระบบ post-paid ทั้งสิ้น แต่ก็มีแหละที่ดีใจเวลาเห็นบิลล์มาแล้วค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่าไหร่ (เทียบกับมาตราฐานที่คิดเอาเอง) ถ้าเป็นสมัยเรียนต้องบอกว่าดีที่ไม่โดนด่า (เพราะแม่จ่าย) แต่หลังๆ นี่เป็นเพราะไม่เปลือง (จ่ายเองแล้วหนิ)
9.ตอนที่รู้ว่าขณะที่เป็นวันเสาร์เวลา18.00น. (แดจังกึม)
อันนี้ดีใจเหมือนกัน แต่ดีใจที่เป็นวันหยุด แล้วยังได้หยุดต่ออีก 1 วันในวันอาทิตย์ 555 หรือมีใครไม่ชอบวันเสาร์ตอนเย็น?? ยิ่งช่วงนี้จะชอบมากเป็นพิเศษ ลมเย็นๆ พัดมา ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี อืมม..ม น้ำเน่าแล้วสิเรา พอเหอะที่จริงแดจังกึมน่ะก็ติดเหมือนกัน แต่เพื่ออรรถรสในการชมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องเลยซื้อมันมาซะ อยากดูเมื่อไหร่ก็ดู เบื่อๆ เมื่อยๆ ก็ปิด ตามใจฉัน ที่ไม่ได้ตามใจสปอนเซอร์โฆษณาที่ชอบมาตัดไอ้เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม ..โปรดติดตามตอนต่อไป..
10.ตอนที่ขอตังค่าเทอมแม่เกินมา แล้วอ้างว่าเผื่อเหลือเผื่อขาด
อิอิ ใช่สิ ไม่นับรายการที่บวกเพิ่มก่อนแจ้งราคานะ แหมม มันก็มีบ้างแหละ แต่ก็ไม่เคยขโมยละกัน อยากได้ก็ขอ 555
11.ตอนได้คะแนนสอบเกิน10เต็ม20
เมื่อก่อนเด็กๆ ไม่มีซะล่ะ แค่ครึ่งมีแต่เกือบเต็ม แต่สงสัยพอโตขึ้นสมองกลับ กลายเป็นพวก "สอบได้เรื่องตลก สอบตกเรื่องธรรมดา"โดยเฉพาะ ม.ปลาย กับ 4 วิชาเซียน ฟิสิกส์-เคมี-ชีวะ-และเลข ตั้งแต่เรียนมา มีผ่านชีวะ ม.4 เทอมสองอยู่ตัวเดียว ที่เหลือตกเรียบ เวลาใครถามเกรดรายวิชาตอนม.ปลาย ตอบง่ายมากๆ นอกจากชีวะที่ได้ 1 นอกนั้น "0" เสมอภาคค่ะ
12.ตอนที่อ้อม (คงเป็นเพื่อนนายคนนั้นแหละ) บอกว่าไม่ชอบผู้ชายเพราะผู้ชายมีจู๋
เอ่อ.. สมัยเด็กๆ ก็เคยแอบคิดอยู่เหมือนกัน 555 แต่ตอนนี้เหรอ... 555 ไม่บอกดีกว่า..เนอะ
13.ตอนที่ดูหนังเรื่อง Million dollar baby
เรื่องไรฟะเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดมีเด็ก และก็มีแบงค์ปลิวว่อน จำไม่ได้ละ คลับคล้ายคลับคลาว่าสนุกอยู่นะ ชอบหนังเด็ก หนังสัตว์ และการ์ตูน
14.ตอนไปขอความช่วยเหลือพวกข้าราชการแล้วได้รับความช่วยเหลือเร็วกว่ากำหนด
อือใช่ๆ เมื่อก่อนไม่เคยคิดเล้ยว่าจะต้องมาอยู่ใต้อำนาจข้าราชการบางคนที่มันคิดว่ามันเจ๋ง เหมือนตรูต้องไปขอพึ่งมัน และเป็นบุญคุณล้นเหลือที่คุณมันอุตส่าห์ปลีกเวลาอันน้อยนิดมาทำให้ทั้งที่ความจริงแล้วบ่มีไก๊ เชอะ! ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะเมิงงง มีเฮ แต่ตอนนี้ทำไงได้นอกจาก ยิ้ม..ค่ะ.. ได้ค่ะ..
15.ตอนเปิดฝาโออิชิแล้วเจอเงินล้าน (ไม่ใช่ความสุขเล็กๆ แล้วอันนี้)
ตั้งแต่เปิดแคมเปญนี้ กินไปแล้วหลายขวด เปิดมาหลายฝามากๆ เจอแต่ไอ้รูปสามเลี่ยม มีตัวหนังสืออะไรสักอย่าง ประมาณว่าขวดนี้มาจากพลาสติกชนิดอะไรสักอย่างนี่แหละแต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่เงินล้าน!
16.ตอนมีดาวดวงใหม่เปล่งประกายในเอก
อ่านไป 3 รอบก็ไม่เก็ท สรุปว่าผ่านไป
17.ตอนแม่โทรมาถามว่า เงินใช้พอมั้ยลูก
อันนี้ชอบนะ แต่ตั้งแต่ทำงานก็ไม่กล้าพูด (ความจริง) มันละอายง่ะ (เป็นคนดีเนอะ) แถมหลังๆ นี่มีแต่แม่โทรมาโบนัสออกหรือยังลูก ได้ยินแล้วอึ้ง..ตกลง หมายความว่าไง?
18.ตอนฟังเพลงของNorah Jones กับCraig David
ขอเปลี่ยนเป็นเพลงสไตล์ประมาณ Out of Reach,Hero, หรือเพลงอื่นๆ ที่เปิดใน Yes Indeed! สมัยก่อนได้มะนั่นแหละ อย่างชอบ
พอละเนอะ หอมปากหอมคอ แล้วไว้เจอ หรือ คิดเองได้จะมาเล่าอีกที
อ่านไปสองวรรคแรก เออ..เพลินดี คนอะไรวาทะศิลป์ กวนบาทาดีจริงๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากรู้ว่าใครหนอเป็นผู้เขียน เพราะเค้าใช้คำแทนตัวเองว่า "ฉัน" แต่ดูที่รูป อ้าว ผู้ชายหนิหว่าเลยไม่กล้าฟันธงว่าตกลง he or she กันแน่ เพราะลีลาการเขียนมันติดสาวนิดๆ แต่หน้าอย่างโหด เลยหยิบเอาข้อความกวนๆ ที่เคยเห็นใน FWD mail เมื่อนานมาแล้ว แต่อ่านทีไรก็ขำมาแปะซะ
คนเรามีความสุขกับสิ่งเล็กๆได้ยังไงบ้าง มาดูกัน..
1.ตอนอาจารย์ปล่อยก่อนเวลา
ช่าย.. แม้เพียง 5-10 นาที ก็ดีใจยิ่งกว่าถูกหวย เอ้อ.. เอาเป็นว่าดีใจมากก็ละกัน ไม่เคยถูกหวยเลยไม่รู้ว่าจะดีใจยังไง
2.แม่ค้าให้หมูเพิ่มมากกว่าปกติ2ชิ้น
ก็ถูกอีกแหละ ถึงแม้ชิ้นที่เพิ่มมามันจะเหมือนกับหมูพิการ เล็กๆ แกร็นๆ ก็เหอะ ได้มากกว่าปกติก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้สึกว่าคุ้มกว่าคนอื่นๆ
3.ตอนไม่มีเงินแล้วเจอตังตกอยู่ซอกเตียง 100 บาท
หึๆๆ อันนี้ไม่เคย เคยแต่ล้วงกระเป๋ากางเกงที่ใส่เมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งผ่านการซักรีดมาแล้ว แบงค์ขาว หอม สะอาดได้ที่ สภาพยังดีค่ะ โชคดีที่ไม่ยุ่ย
4.กำลังเดินไปรอรถแล้วมีสาย 70 มาเกยพอดี
ไม่เคยขึ้นสาย 70 อ่ะ มันผ่านตรงไหนมั่งหว่า เคยเจอกับสายอื่นเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนประถม ถ้าจะให้ดี รถต้องว่างแบบมีที่นั่งด้วยนะ
5.ตอนที่มองดูพฤติกรรมคนอื่นว่าเค้าทำอะไรกัน
อืมม.. ใช่ แบบว่าโรคจิตนิดๆ อยากดูว่าเค้ามุงๆ ดูๆ อะไรกัน เป็นเหมือนแมลงวันอีกตัวหนึ่งที่ต้องมนต์กองอึจนต้องแวะเวียนเข้าไปใกล้ๆ นี่ถ้าไม่กลัวเสียฟอร์มจะกระโดดไปอยู่กลางวงให้รู้แล้วรู้แรดไปเลย
6.ตอนมองดู "โอ๋" เฟคเสียงสวยใครอ่ะ
โอ๋ ชื่อนี้มีเต็มบ้านเต็มเมือง จะว่าไปที่นี่ก็มีนะ ชื่อโอ๋ เก็กเสียงสวยซะด้วย แต่ไม่รู้ดิคิดว่าคาแรกเตอร์เธอแปลกๆ
7.ตอนเห็นเสื้อผ้าใหม่ แต่ราคาถูกที่วังหลัง
อันนี้ไม่เคยเลย ไปวังหลังทีไรเห็นมีแต่เสื้อผ้าแบบถูกๆ ซึ่งก็สมกับราคาหลายๆ ตัวร้อยอยู่หรอกนะใส่ครั้งเดียวไม่หดก็ยืด ที่จริงก็เคยซื้อนะ เสื้อผ้าusedเนี่ย สมัยละอ่อน เริ่มจากยีนส์ Levi's ถ้าจะให้เท่ห์ต้องเป็นของแท้ ที่เก่า แต่สภาพดี (คอนดิชั่นเยอะ ขนาดนี้หายากโคตรๆ) สมองอันน้อยนิดที่คิดว่ายีนส์ดีต้องผ่านการใส่มาแล้วถึงจะเจ๋ง แล้วซื้อมาเพื่อไรรู้ป่ะ เอามาตัดขาเป็นกางเกงสามส่วน คิดได้ไงวะตรู??
8.คอนที่โทรไปเช็คเงินมือถือแล้วเหลือตังเยอะกว่าที่คาด
ไม่เคยเป็นสักที เพราะตั้งแต่ใช้มาเป็นระบบ post-paid ทั้งสิ้น แต่ก็มีแหละที่ดีใจเวลาเห็นบิลล์มาแล้วค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่าไหร่ (เทียบกับมาตราฐานที่คิดเอาเอง) ถ้าเป็นสมัยเรียนต้องบอกว่าดีที่ไม่โดนด่า (เพราะแม่จ่าย) แต่หลังๆ นี่เป็นเพราะไม่เปลือง (จ่ายเองแล้วหนิ)
9.ตอนที่รู้ว่าขณะที่เป็นวันเสาร์เวลา18.00น. (แดจังกึม)
อันนี้ดีใจเหมือนกัน แต่ดีใจที่เป็นวันหยุด แล้วยังได้หยุดต่ออีก 1 วันในวันอาทิตย์ 555 หรือมีใครไม่ชอบวันเสาร์ตอนเย็น?? ยิ่งช่วงนี้จะชอบมากเป็นพิเศษ ลมเย็นๆ พัดมา ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี อืมม..ม น้ำเน่าแล้วสิเรา พอเหอะที่จริงแดจังกึมน่ะก็ติดเหมือนกัน แต่เพื่ออรรถรสในการชมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องเลยซื้อมันมาซะ อยากดูเมื่อไหร่ก็ดู เบื่อๆ เมื่อยๆ ก็ปิด ตามใจฉัน ที่ไม่ได้ตามใจสปอนเซอร์โฆษณาที่ชอบมาตัดไอ้เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม ..โปรดติดตามตอนต่อไป..
10.ตอนที่ขอตังค่าเทอมแม่เกินมา แล้วอ้างว่าเผื่อเหลือเผื่อขาด
อิอิ ใช่สิ ไม่นับรายการที่บวกเพิ่มก่อนแจ้งราคานะ แหมม มันก็มีบ้างแหละ แต่ก็ไม่เคยขโมยละกัน อยากได้ก็ขอ 555
11.ตอนได้คะแนนสอบเกิน10เต็ม20
เมื่อก่อนเด็กๆ ไม่มีซะล่ะ แค่ครึ่งมีแต่เกือบเต็ม แต่สงสัยพอโตขึ้นสมองกลับ กลายเป็นพวก "สอบได้เรื่องตลก สอบตกเรื่องธรรมดา"โดยเฉพาะ ม.ปลาย กับ 4 วิชาเซียน ฟิสิกส์-เคมี-ชีวะ-และเลข ตั้งแต่เรียนมา มีผ่านชีวะ ม.4 เทอมสองอยู่ตัวเดียว ที่เหลือตกเรียบ เวลาใครถามเกรดรายวิชาตอนม.ปลาย ตอบง่ายมากๆ นอกจากชีวะที่ได้ 1 นอกนั้น "0" เสมอภาคค่ะ
12.ตอนที่อ้อม (คงเป็นเพื่อนนายคนนั้นแหละ) บอกว่าไม่ชอบผู้ชายเพราะผู้ชายมีจู๋
เอ่อ.. สมัยเด็กๆ ก็เคยแอบคิดอยู่เหมือนกัน 555 แต่ตอนนี้เหรอ... 555 ไม่บอกดีกว่า..เนอะ
13.ตอนที่ดูหนังเรื่อง Million dollar baby
เรื่องไรฟะเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดมีเด็ก และก็มีแบงค์ปลิวว่อน จำไม่ได้ละ คลับคล้ายคลับคลาว่าสนุกอยู่นะ ชอบหนังเด็ก หนังสัตว์ และการ์ตูน
14.ตอนไปขอความช่วยเหลือพวกข้าราชการแล้วได้รับความช่วยเหลือเร็วกว่ากำหนด
อือใช่ๆ เมื่อก่อนไม่เคยคิดเล้ยว่าจะต้องมาอยู่ใต้อำนาจข้าราชการบางคนที่มันคิดว่ามันเจ๋ง เหมือนตรูต้องไปขอพึ่งมัน และเป็นบุญคุณล้นเหลือที่คุณมันอุตส่าห์ปลีกเวลาอันน้อยนิดมาทำให้ทั้งที่ความจริงแล้วบ่มีไก๊ เชอะ! ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะเมิงงง มีเฮ แต่ตอนนี้ทำไงได้นอกจาก ยิ้ม..ค่ะ.. ได้ค่ะ..
15.ตอนเปิดฝาโออิชิแล้วเจอเงินล้าน (ไม่ใช่ความสุขเล็กๆ แล้วอันนี้)
ตั้งแต่เปิดแคมเปญนี้ กินไปแล้วหลายขวด เปิดมาหลายฝามากๆ เจอแต่ไอ้รูปสามเลี่ยม มีตัวหนังสืออะไรสักอย่าง ประมาณว่าขวดนี้มาจากพลาสติกชนิดอะไรสักอย่างนี่แหละแต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่เงินล้าน!
16.ตอนมีดาวดวงใหม่เปล่งประกายในเอก
อ่านไป 3 รอบก็ไม่เก็ท สรุปว่าผ่านไป
17.ตอนแม่โทรมาถามว่า เงินใช้พอมั้ยลูก
อันนี้ชอบนะ แต่ตั้งแต่ทำงานก็ไม่กล้าพูด (ความจริง) มันละอายง่ะ (เป็นคนดีเนอะ) แถมหลังๆ นี่มีแต่แม่โทรมาโบนัสออกหรือยังลูก ได้ยินแล้วอึ้ง..ตกลง หมายความว่าไง?
18.ตอนฟังเพลงของNorah Jones กับCraig David
ขอเปลี่ยนเป็นเพลงสไตล์ประมาณ Out of Reach,Hero, หรือเพลงอื่นๆ ที่เปิดใน Yes Indeed! สมัยก่อนได้มะนั่นแหละ อย่างชอบ
พอละเนอะ หอมปากหอมคอ แล้วไว้เจอ หรือ คิดเองได้จะมาเล่าอีกที
วันจันทร์, ธันวาคม 03, 2550
ฝากไว้ให้คิด...ชีวิตที่เราเลือกเอง

มีช่างไม้สูงอายุคนหนึ่งต้องการจะเกษียณตัวเอง และใช้ชีวิตบั้นปลายที่หรูหรากับภรรยา จึงบอกความต้องการดังกล่าวกับนายจ้าง ซึ่งช่างไม้ก็บอกว่าเขาอาจจะเสียดายค่าจ้างที่จะได้รับ แต่เขาก็ต้องการที่จะเกษียณนายจ้างก็บ่นเสียดายที่จะต้องสูญเสียช่างฝีมือดีไป แต่ก็ได้ขอร้องให้ช่างคนนี้ช่วยสร้างบ้านให้อีกสัก 1 หลัง ซึ่งช่างไม้ผู้นั้นก็ตอบตกลง
เมื่อบ้านเสร็จ ก็พบว่ามันไม่ใช่งานที่เป็นฝีมือของช่างคนนี้เลยแม้แต่น้อย งานที่ออกมาก็ไม่เรียบ วัตถุดิบที่ใช้ก็ด้อยคุณภาพ มันช่างเป็นการจบชีวิตช่างฝีมือดีที่ไม่สวยหรูเลย และเมื่อนายจ้างสำรวจงานชิ้นนี้ของช่างผู้นี้ นายจ้างก็ได้ยื่นกุญแจให้ แล้วบอกกับช่างไม้ว่า 'นี่คือบ้านของคุณ... ผมตั้งใจมอบให้คุณเป็นของขวัญกับตัวเองว่า น่าละอายจริง ๆ ถ้าเขารู้สักนิดว่ากำลังสร้างบ้านของตัวเองอยู่ เขาก็คงตั้งใจสร้างให้ดีกว่านี้
เช่นเดียวกับพวกเราที่กำลังสร้างชีวิตของตัวเราเอง ด้วยการสั่งสมสิ่งต่าง ๆ วันละเล็กวันละน้อย และบ่อยครั้งที่เราไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุด ในการสรรค์สร้างชีวิตของตนเอง และเมื่อวันๆ หนึ่งมาถึง เราก็จะตระหนักว่า เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเป็น ผู้สร้างขึ้นมาทั้งหมด และเมื่อถึงวันนั้นเรามักจะพูดเสมอว่า ถ้าเราสามารถกลับไปได้ เราจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นแต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะพวกเราทุกคนก็คือ "ช่างไม้" ในทุก ๆ วัน พวกเรากำลังตอกตะปู, ปูกระดาน หรือแม้แต่กำลังเลือกกำแพงให้กับชีวิตตัวเองดังคำพูดที่ว่า ' ชีวิตก็คือสิ่งที่เราสร้างด้วยตัวเราเอง 'บ้าน' สร้าง 'ชีวิต' ที่เราจะต้องอยู่กับมัน ดังนั้นจงบรรจงสร้างบ้านด้วยความฉลาด แล้วคุณจะไม่เสียใจในบั้นปลายของชีวิต
คนเรามักฝันถึงงานที่มีเงินเดือนมากๆ ตำแหน่งสูงๆ หรือโดดเด่นเป็นที่รู้จัก โดยคิดว่างานอย่างนี้จะทำให้มีความสุข แต่ที่จริงแล้วความสุขไม่ได้อยู่ที่ประเภทของงานมากเท่ากับการวางจิตวางใจในขณะทำงาน จะสุขแค่ไหนขึ้นอยู่กับเราทำงานด้วยความรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่เพราะเป็นงานอะไร งานแม้จะดูต่ำต้อย แต่ถ้าทำด้วยใจรัก ก็เกิดความสุขได้ คุณแม่ที่ทำงานบ้านและคุณย่าคุณยายที่เลี้ยงหลานทั้งวัน อาจมีความสุขกว่าคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต
ชายสามคนกำลังก่ออิฐ คนแรกมีทีท่าเหนื่อยล้า หน้าบึ้งตึง คนที่สอง ดูดีขึ้นหน่อย ส่วนคนที่สามดูกระฉับกระเฉง หน้าตายิ้มแย้ม เมื่อถูกถามว่า กำลังทำอะไรอยู่ คนแรกตอบอย่างขอไปทีว่า 'กำลังก่ออิฐ' คนที่สองบอกว่า 'กำลังก่อกำแพง' ส่วนคนที่สามตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า 'กำลังสร้างวัดครับ อาการต่างกันก็เพราะเห็นคุณค่าของงานต่างกัน คนที่สามทำงานอย่างมีความสุขเพราะเห็นว่างานที่ตนทำนั้นไม่ใช่แค่ก่ออิฐธรรมดาๆ แต่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสิ่งที่สูงเป็นบุญเป็นกุศล อิฐแต่ละก้อนที่ก่อจึงให้ความรู้สึกปิติอิ่มเอมใจ งานอย่างเดียวกัน แต่มองด้วยมุมที่ต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน
นอกจากใจรักในงานแล้ว การทำให้ "งาน" กลายเป็น "เรื่องสนุก" ก็เป็นเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งของการทำงานอย่างมีความสุขเราอาจเริ่มต้นด้วยการช่วยกันตกแต่งสำนักงานให้มีสีสันเดือนละครั้ง หรือสองอาทิตย์ครั้ง ถ้ามีหลายแผนกก็ให้แต่ละแผนกช่วยกันคิด และร่วมกันสร้างเอกลักษณ์ของตนขึ้นมา แล้วมาประกวดกันโดยมีการสะสมคะแนนตลอดปี หรือให้แต่ละแผนกแต่ละกลุ่ม ผลัดกันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ด้วยการสรรหาเมนูแปลก ๆ ใหม ่ๆ แต่ไม่สิ้นเปลือง มาลิ้มลองกัน

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)