วันพุธ, พฤษภาคม 23, 2550

เรื่องของ..ขนมถังแตก

มีมุกตลกฝรั่ง (ขาว อวบ??) มาเล่าสู่กันฟังพอขำๆ ค่ะ
เพิ่งได้มาจาก fwd mail ของพี่สาวที่น่ารักคนหนึ่งเมื่อกี้นี้เอง

แต่กว่าจะให้ขำได้ขนาดนี้ มีการใช้ความอดทนเล็กน้อยกับตัวเอง จนเกือบจะเปลี่ยนใจไม่เอามาลงแล้วนะเนี่ย
เรื่องก็คือ เฉพาะคำว่า "ฝรั่ง" เนี่ย กว่าจะพิมพ์ถูกได้ก็ พิมพ์ๆ ลบๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งล่ะค่ะ
ด้วยความว่าเป็นคนที่พิมพ์แล้วไม่มอง keyboard ไง
(อิอิ จะโชว์ skill ที่ได้มาจากกการเป็นมนุษย์เงินเดือนน่ะสิ T_T)

นอกเรื่องไปเยอะละ มาเข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ..

วันหนึ่งช่วงเดินทางไปกินข้าวกลางวัน ระหว่างทางมีร้านขายขนมถังแตกอยู่ พี่ที่ออฟฟิศจึงแวะซื้อ

ฝรั่งที่เดินไปด้วยก็ถามว่า : What is it?

พี่ๆ ที่ไปด้วยกันก็พยายามอธิบาย..

พี่คนแรก : Um...uh...the bankruptcy sweet, I think.
พี่คนที่สอง : No, it's a dessert of economic failure.
พี่อีกคน : But I think you should call it a broke guy's food.

ฝรั่งก็งงเป็นไก่ตาแตก ขนมห่.. อะไรวะ กินแล้วหมดตัวเลยเหรอ ??

ซักพักหนึ่งคนขายมันคงทนไม่ได้เลยบอกออกมาว่า

It's a pancak with coconut, sir!

แล้วฝรั่งคนเดียวกันนี้แหละที่ไปเรียนภาษาไทยมา เรียนเสร็จก็กลับมาถามเราว่า
เบียร์ช้างนี่เค้าเรียกเป็น "ขวด" หรือ เป็น "เชือก" อ่ะ O__o?

วันศุกร์, พฤษภาคม 18, 2550

..มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ..

วันนี้ได้รับ forward mail อันหนึ่ง อ่านแล้วน่าสนใจทีเดียว..

“มนุษย์เงินเดือน” อาชีพนี้ดีอย่างไร? ..
  • ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน
  • ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง
  • มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
  • มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว
  • ไม่มีล้มละลาย
  • ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ
  • เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที
  • มีวันหยุดเยอะ
    จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้

  • ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง

  • ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้
  • ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
  • ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา
  • ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”
  • ต้องมีจรรยาบรรณ
  • ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป

  • มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ควรจะปรับตัวอย่างไร?
  • เปิดการทักทายกับทุกคน
  • จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้
  • เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
  • อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
  • ฟังและถามให้มากกว่าพูด
  • เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก
  • เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
  • อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ

    เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก
  • คิดเข้าข้างตัวเอง
  • คบเพื่อนคิดบวก
  • คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า
  • คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม
    สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่งที่ไร้ค่าในขณะที่…คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน

    เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ
  • ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก
  • ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ
  • ทำมาก…มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก
  • ทำมาก...สบายในภายหลัง

    เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
    ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ
    1. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
    2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต
    คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน

    เทคนิคการพัฒนา “ลูกน้อง” ให้เป็น “หัวหน้า”
  • ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ
  • ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)
  • ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
  • พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม

    เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า
  • ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก
  • คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
  • อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา
  • จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย

    การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน สายอาชีพลูกจ้าง
  • มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน
  • คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
  • ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน
  • ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง
  • คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน
    ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใดการขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น

    ลด ละ เลิก ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง”
    สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
    1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยาก
    2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)

    ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร
  • สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน
  • จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
  • มีเงินพอหรือไม่

    การวางแผนการเก็บเงิน
    เทคนิคง่ายๆ คือ “หลัก 3 บัญชี” โดยให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้
    บัญชีที่ 1 คือบัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
    บัญชีที่ 2 คือบัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
    บัญชีที่ 3 คือบัญชีเงินออมเพื่อออกจากงานหรือออมเพื่ออนาคต
    ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง

    จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน
  • จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร
  • จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้
  • จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
  • จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
  • จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
  • อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
  • อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
  • อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น

    เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข
  • การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก
  • เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
  • อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก
  • อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน
    แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง


    รายการอาหารประจำวัน

  • ++ เช้า : กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
    ++ กลางวัน : ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
    ++ เย็น : ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท
    ++ ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท
    รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท


    จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 ปี (หลังเกษียณ) ถึงอายุ 80ปี เท่ากับ 25 ปี x 365 วัน = 9,125 วัน
    ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 วัน x 170 บาท =
    1,551,250 บาท

    เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง คุณคิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ??? ..

    ที่มา เรียบเรียงโดย รัตน์ชนก ยอดพินิจ อ้างถึง ณรงค์วิทย์ แสนทอง,มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน), 2548