เนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุเป็นระยะๆ จนบางทีรู้สึกชินชากับการที่ตัวเองจะต้องเจ็บป่วย (อีกละ) ไม่แปลกเลยใช่ไหมคะ ที่เราเกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีกับตัวเองเท่าไหร่ เฮ้อ...อ
วันนี้มาทำงานด้วยสภาพที่ใกล้เคียงปกติที่สุด เลยสามารถค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งที่ตัวเองเป็นซะบ้าง พอให้ได้รู้แหละว่าเราเป็นอะไร และเพราะอะไรถึง "ต้อง" เป็นช้านนน
พอได้อ่านบทความข้างล่างเนี่ย ก็ทำให้เข้าใจอะไร อะไร มากขึ้น (จิ๊ดนึง) อย่างน้อยก็รู้แล้วล่ะว่า ไอ้สิ่งที่เป็นประจำปีเนี่ยมันไม่ควรจะเป็นเรื่องธรรมดา (สำหรับตัวเอง) ซะแล้ว คิดไปคิดมา..ที่จริงเราก็ "เอ๋อ" เป็นประจำอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยรู้สึกกับอะไรกับ "ช่วงเวลาที่หายไป" สักเท่าไหร่ เว้นแต่ว่าไอ้คราวนี้มันมาเป็นคู่ นั่นก็คือ การสื่อสารและการทรงตัว เค้าเรียกว่าอย่างเนี้ย ..Nuerotransmitter Disfunction..
ในสมองมี "สารเคมี" บางตัวที่ทำให้เรารู้สึกดี ซึ่งจะมีผลต่อ ความจำ การเรียนรู้ ความสัมพันธ์ ความคิด
อาหารและยาบางตัวก็จะมีผลต่อสารเคมีเหล่านี้ ซึ่งในสมองมีมากกว่า 60 ตัว (Sylwester 1997) ทำหน้าที่นำข้อมูล จากเซลล์สมองอันหนึ่ง ไปสู่อีกเซลล์หนึ่ง
สารส่งสัญญาณสมอง (Nuerotransmitter) ทำงานอย่างไร
กระแสไฟฟ้าจากเซลล์สมองจะทำให้ ใยประสาทตัวส่ง (Axon) หลั่งสารเคมีนี้ผ่านจุดเชื่อม (Synnapse) ไปสู่ใยประสาทของสมองตัวรับ (dendrite) ที่จุดรับเฉพาะ (Special receptor) ที่แตกต่างกัน และไม่สามรถจับกับจุดอื่นๆ ได้ เพื่อนำข้อมูลจากเซลล์สมองเซลล์หนึ่ง ส่งผ่านไปยังเซลล์สมองอีกเซลล์หนึ่ง
สารส่งสัญญาณสมอง มี 2 ส่วน (แบ่งตามการทำงาน)
excitatory (การกระตุ้น) ทำให้เซลล์สมองส่งสัญญาณไป
inhibitory (กด ยับยั้ง) ทำให้เซลล์สมองหยุดการทำงาน
เซลล์สมอง 1 ตัว สามารถเป็นทั้งถูกกระตุ้น หรือถูกกดการทำงาน แต่อยู่คนละจุดกันภายในหนึ่งเซลล์ กลุ่มที่ถูกกระตุ้น จะมีจุดรับมากกว่ากลุ่มถูกกด เมื่อเซลล์ประสาทได้รับข่าวสารข้อมูลซ้ำๆ จะมีผลให้จุดเชื่อมแข็งแรงและจะเพิ่มจุดรับ (Receptor site) มากขึ้น ทำให้การส่งผ่านข้อมูลเร็วขึ้น และง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน
สารเคมีทั้งสองกลุ่มนี้ จะช่วยทำให้เด็กมีความตั้งใจ สนใจเรียน และกำจัดสิ่งรบกวนสมาธิออกไป
การสร้าง และการทำงานของสารส่งสัญญาณในสมอง ดังนี้
เซลล์สมองถูกกระตุ้นจากสัมผัสต่างๆ (ผ่านทางหู ตา จมูก ลิ้น ผิวหนัง) ทำให้เกิดการหลั่งสารชนิดนี้ที่บริเวณสายใยประสาทส่งข้อมูล (Axon) สารนี้จะนำข่าวสารจากเซลล์สมองตัวหนึ่งไปที่เซลล์อีกตัว โดยผ่านจุดเชื่อมไปจับกับใยประสาทตัวรับข้อมูล ที่จุดรับเฉพาะ เซลล์สมองตัวรับเมื่อถูกกระตุ้นจากข้อมูลต่างๆ ก็จะทำให้เกิดการทำงาน หรือกดการส่งสัญญาณ สารเคมีที่หลั่งออกมาจะถูกทำลายที่จุเชื่อม หรือถูกดูดกลับหมด โดยเซลล์สมองตัวส่ง
ชนิดของสารเคมีในสมอง
กลุ่มกระตุ้นสมอง ได้แก่ Serotonin Endorphine Acetylcholine Dopamine ฯลฯ
กลุ่มกดการทำงานของสมอง เช่น Adrenaline cortisol
กลุ่มแรกจะทำหน้าที่
ควบคุมความประพฤติ การแสดงออก อารมณ์ ทำให้สมองตื่นตัว และมีความสุข ทำให้การอ่านข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายรู้สึกดี มีความสุข ทำให้เพิ่มภูมิต้านทาน สุขภาพแข็งแรง จะหลั่งมากเมื่อ
การออกกำลังกาย การได้รับคำชมเชย การได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี การให้ทำกิจกรรมกลุ่ม การได้รับสัมผัสที่อบอุ่น (affirmation touch) การมองเห็นคุณค่าของตนเอง การเล่นดนตรี และงานศิลปะโดยไม่ถูกบังคับ การได้รับสิ่งที่ชอบ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ยกตัวอย่างกลุ่มแรก
Dopamine : ควบคุมการเคลื่อนไหว ถ้าต่ำมีผลต่อความจำที่ใช้กับการทำงาน ถ้าสูงมากเกินไป เกิดโรคจิตประสาทหลอน และจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ผู้ชายจะลดลงมากกว่าผู้หญิง
Serotonin : ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ทำหน้าที่ส่งข้อมูล เกือบทุกข่าวสารผ่านที่ต่างๆ ในสมอง ถ้าขาดจะทำให้คนซึมเศร้า มองคุณค่าตัวเองต่ำ
Acetylcholine : ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายทำให้ข้อมูลส่งผ่านได้ดีขึ้น มีบทบาทสำคัญในความจำระยะยาว ช่วยให้สมองเก็บความรู้ที่เราเรียนในเวลากลางวันไปเก็บในสมองในเวลาที่เรากำลังหลับ เป็นสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับความฝัน ถ้าขาดสารนี้ทำให้สมาธิลดลง ขี้ลืม นอนไม่ค่อยหลับ
Endorphine (Endogenous morphine) : เป็นยาชาในร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลง เช่น ผู้หญิงขณะคลอดจะผลิตสารนี้ 10 เท่า เป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดความสุข อารมณ์ดี และสมองจะเจริญเติบโต และเรียนรู้ได้ดี ถ้าขาดสารนี้จะทำให้เราขาดความสุข แม้จะฟังดพลงที่เคยชอบ ถ้ามีสารนี้มากจะมีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ และสนุกสนาน การออกกำลังกายและทำกิจกรรมอื่นๆ หรือการวิ่ง จะทำให้สารนี้หลั่ง หรือการให้ทาน การช่วยเหลือผู้อื่น จะทำให้สารเคมีนี้หลั่งเช่นกัน สังเกตได้ว่า ถ้าเราออกกำลังกายหรือไดช่วยเหลือผู้อื่น จะทำให้รู้สึกดี สมองปลอดโปร่อง มีความสุข (ไม่เชื่อ ท่านลองออกกำลังกายหรือได้ช่วยเหลือผู้อื่นดูสิคะ) แต่ไม่ใช่ออกกำลังกายที่ถูกบังคับ หรือเคี่ยวเข็ญ ซึ่งจะเกิดความทุกข์แทน
การหลั่งของ Serotonin Dopamine Endorphine ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ และจำได้ดีขึ้น และสมองจะเจริญเติบโตดี เกิดจากการออกกำลังกาย การสัมผัสที่อบอุ่นการยิ้มแย้มแจ่มใส และการมีความสัมพันธ์ที่ดี การมองตนในแง่ดี การชมเชย การภูมิใจตนเองทำให้ร่างกายรู้สึกดี และมีภูมิต้านทานสูงขึ้น เพราะฉะนั้น ครู และพ่อแม อาจจะต้องหาช่องทางที่จะชมเชยเด็กอยู่เสมอ และให้มีการออกกำลังกาย เคลื่อนไหวในขณะที่เรียนบ้าง ไม่ดุเด็กมากมายจนขาดเหตุผล แต่พยายามกระตุ้นให้เด็กมีความสนุกกับการเรียน จะทำให้เด็กมีความสุข สามารถเรียนรู้ และจำได้ดีขึ้น เด็กอยาก จะเรียนวิชานั้นมากขึ้น คุณครูทดลองทำดูได้ค่ะ
เราสามารถสร้างภาวะเหล่านี้ในห้องเรียน เช่น ยืนขึ้น ยืดเส้นยืดสาย การเล่นกล เล่นตลก กายบริหารสักเล็กน้อย บิดตัวไปมา ทั้งหลายเหล่านี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกาย เพิ่มการเต้นของหัวใจและการหายใจ หรืออาจจะใช้ลูบหัว จับมือ โอบไหล่ (ครูเพศตรงข้ามห้ามทำ) ตบหลังเบาๆ ให้กำลังใจ การจับกลุ่มกันทำงาน ทำให้เด็กรู้สึกว่ามีส่วนร่วม การดูแลจากครูดี รู้สึกมั่นคงทำให้หลั่งสาร Endorphine (Jensen 1998) รวมทั้งการร้องเพลง ดนตรี โดยเฉพาะกลุ่มดนตรีจังหวะสนุกสนานเร้าใจ ที่อิสระไม่ไดถูกบังคับ ก็จะทำให้สารเคมีที่ดีเหล่านี้หลั่ง ซึ่งจะมีผลทำให้สมองปลอดโปร่ง มีความสุข สุขภาพดี และความจำดี
กลุ่มที่ 2 เป็นสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับความเครียด จะหลั่งเมื่อสมองได้รับความกดดัน ความเครียดอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ยับยั้งการส่งข้อมูลของแต่ละเซลล์สมอง ยับยั้งการเจริญเติบโตของสมองและใยประสาท
คิดอะไรไม่ออก ยับยั้งเส้นทางความจำทุกๆ ส่วน ภูมิต้านทานต่ำ เป็นภูมิแพ้ มะเร็งได้ง่าย ทำลายเซลล์สมองและใยประสาท (Khalsa 1997) Cortisol สูงทำให้เด็ก Hyperactive กังวล สมาธิสั้น ควบคุมไม่ได้
ความสามารถในการเรียนลดลง
Cortisol คล้าย Adrenaline ถ้ามีมากจะมีพิษต่อสมอง เป็นสารที่เกี่ยวกับการตกใจและการต่อสู้ การตอบสนองต่อความเครียด ถ้ามีมากเกินไปจะมีอันตราย ต่อทั้งอารมณ์และร่างกาย สารนี้จะหลั่งเมื่อมีความรู้สึกไม่ดี ความเครียด (เรื้อรัง) มีความทุกข์ การมองเห็นคุณค่าตัวเองต่ำ โดนดุด่าทุกวัน ซึมเศร้า โกรธ เข้มงวดเกินไป วิตกกังวล ซึ่งจะทำให้เกิดการทำลายองค์ประกอบภายในสมอง ไม่ว่าใยประสาทต่างๆ หรือแม้แต่เซลล์สมอง รวมทั้งจะหยุดยั้งการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมอง ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใกล้ชิดต้องระวัง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ โดยภาวะ Cortisol สูงจะทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ เช่น เป็นโรคกระเพาะ ระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เป็นโรคภูมิแพ้ มะเร็งได้ง่าย ซึ่งเคยมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่น การเคร่งครัดมากๆ หรือคนที่ทำงานเครียดมากๆ นานๆ เกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหัวใจ ฯลฯ ท่านลองสังเกตบุคคลรอบๆ ตัวดูได้ค่ะ การคำนึงสารเคมีในสมองทำให้บุคคลที่เกียวข้องระมัดระวังตัวมากขึ้น อีกอย่างหนึ่งคือการเกษียณอายุ ก็ทำให้บางคนก็ซึมเศร้าได้ เพราะขาดการออกกำลังกาย ไม่มีงานทำ ขาดความสุข ซึ่งทำให้ cortisol หลั่งแต่หลังจากได้ยา หรือออกกำลังกาย ทำงานอดิเรกก็ดีขึ้น การได้ทำงานหรือเรียนในวิชาที่ชอบ การคิดในแง่บวกต่อตนเอง ทำให้สารเคมีที่ดีหลั่ง เช่น การได้รับคำชมเชยเสมอๆ ตรงข้ามถ้าถูกดุด่าทุกวัน เขาจะมองตนเองในแง่ลบ การเจริญเติบโตของสมอง และการเรียนรู้จะถดถอย ซึ่งสารเคมีต่างๆ ทั้งหมดจะมีผลต่อทุกคน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ รวมทั้งคนชรา เช่น เด็กที่เคยเรียนดีแต่ยากจน ได้ย้ายไปอยู่ในโรงเรียนที่มีแต่เด็กร่ำรวย โดนเพื่อนล้อทุกวันว่า ยากจน เด็กจะเครียด ไม่อยากไปโรงเรียน ทำให้ผลการเรียนตกต่ำ ซึ่งเกิดจาก serotonin ลดลง แต่ cortisol จะเพิ่มขึ้น หากเกิดในเด็กอาจทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นน้อย เด็กจะลืมง่าย และเด็กอาจจะเกเร ติดยา ซึ่งทำให้เด็กมีความสุขทดแทนได้ชั่วคราว (แต่เด็กไม่ทราบว่า จะทำลายสมองเมื่อใช้นานๆ) การทำให้สมองเรียนรู้ได้ดีในห้องเรียน คือ การลดความเครียดในห้องเรียนให้มากที่สุด เช่น เล่นดนตรีที่มีจังหวะเร็วๆ สนุกสนาน ไม่ถือโกรธเมื่อเวลาเด็กทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ และฟังเหตุผลเด็กก่อนจะดุด่าว่ากล่าว อย่าตำหนิเด็กบ่อยๆ และรุนแรง จัดกิจกรรมกลุ่ม เพื่อลดความเครียด
สรุปปัจจัยที่มีผลต่อสมอง
สมองเจริญเติบโตดี (ฉลาด) (โดยเฉพาะก่อนวัยรุ่น)
การได้ทำกิจกรรมกลุ่ม มีปฏิสัมพันธ์กับสังคม ได้ทำงาน/เรียนในสิ่งที่ชอบ การละเล่นต่างๆ/เล่นกับเพื่อนๆ
การได้ฟังการเล่านิทาน ศิลปะ ดนตรี กีฬา ออกกำลังกาย ร้องเพลง ตามความถนัด และอิสระไม่ถูกบังคับ ไม่ใช่ท่องทฤษฎีซ้ำซาก ได้รับคำชมเชยเสมอ มองภาพตนเองบวก เป็นคนยืดหยุ่น ไม่เข้มงวดเกินไป ช่วยเหลือตนเองตามวัย ความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่/ผู้ใกล้ชิด ทัศนศึกษา : สัมผัสกับของจริง อาหารครบ 5 หมู่
ปัจจัยที่เป็นผลลบต่อสมอง (เป็นได้ทุกวัย)
ความเครียดนานๆ จากทุกสาเหตุ เช่น ถูกบังคับให้เรียน/ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ทำงาน/เรียนหนัก การบ้านมาก ไม่มีเวลาพักผ่อน/ออกกำลังกาย ถูกดุด่าทุกวัน ฯลฯ มองคุณค่าตัวเองต่ำ วิตกกังวล ทุกข์นานๆ ความกลัว โกรธนานๆ เข้มงวดเกินไป ฯลฯ สมองไม่ถูกใช้หรือกระตุ้นเลย ขาดสารอาหาร การได้รับสารพิษ เช่น ยาเสพติด
ป.ล. บทความนี้เอามาจาก ที่นี่ค่ะ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=108536
วันจันทร์, พฤศจิกายน 19, 2550
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)