วันจันทร์, พฤษภาคม 10, 2553

Poems written by WIFE and HUSBAND.

WIFE:
I wrote your name on sand it got washed.
I wrote your name in air, it was blown away. Then
I wrote your name on my heart & I got Heart Attack..

HUSBAND:
God saw me hungry, he created pizza.
He saw me thirsty, he created Pepsi.
He saw me in dark, he created light.
He saw me without problems, he created YOU.

WIFE:
Twinkle twinkle little star
You should know what you are
And once you know what you are
Mental hospital is not so far.

HUSBAND:
The rain makes all things beautiful.
The grass and flowers too.
If rain makes all things beautiful
Why doesn't it rain on you?

WIFE:
Roses are red; Violets are blue
Monkeys like u should be kept in zoo.
Don't feel so angry you will find me there too
Not in cage but laughing at you.

วันจันทร์, สิงหาคม 03, 2552

แง่คิด : ความในใจของชายที่มีแฟน"ไม่บริสุทธิ์"

.....ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาธรรมดาไม่หล่อ ไม่ขี้เหร่จัดว่ากลางๆ โดยปกติเป็นคนขี้อายครับไม่เคยจีบใครก่อน แต่ก็มีสาวๆ มาชอบเหมือนกัน โดยที่เป็นคนขี้อายก็เลยไม่มีแฟนสักทีก็เอาแต่เรียนผมจัดว่าเป็นคนที่เรียนดีคนหนึ่ง

จนเรียนจบเริ่มทำงานก็เริ่มรู้สึกเหงาเวลาที่เห็นคนเดินจับมือกัน ในขณะที่เราต้องเดินคนเดียว แล้วเธอก็ผ่านเข้ามาในชีวิตผม เธอก็ทำงานที่เดียวกับผมนั่นเอง ตอนนั้นใครที่เคยมีรักแรกพบก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกับผมแน่ๆ เราสองคนสนิทกันเร็วมาก ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเธอเองก็ปิ๊งผมเหมือนกัน ด้วยความที่ใจมันตรงกันเราก็เลยเป็นแฟนกัน หลังจากที่รู้จักกันเพียงเดือนครึ่งเท่านั้น หลายคนอาจบอกว่ามันเร็ว แต่ว่าทุกอย่างมันลงตัวไปหมด เราคุยกันทุกเรื่องจนมาถึงเรื่อง sex

ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นผมยังไม่เคยมีอะไรมาก่อน และอยากจะบอกให้ทุกคนทราบว่าคนที่ยังไม่เคยก็ยังหวังให้คนรักยังบริสุทธิ์อยู่เหมือนในความคิดของผม มันคงเป็นอะไรที่สวยงามถ้าได้มีอะไรครั้งแรกด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นผมก็เลยถามตรงๆ ไปว่าเธอเคยมีอะไรแล้วหรือยัง?

เธอก็อึ้งไปพักหนึ่งแล้วตอบว่า "ถ้าเราตอบว่าเคยแล้ว เธอจะยังรักเราอยู่หรือเปล่า"

ตอนนั้นใจผมก็เต้นมากแต่ฝืนตอบไปว่า "รักสิ"

แล้วเธอก็บอกว่าเธอเคยแล้วกับแฟนเก่า ซึ่งเธอบอกว่าเพราะความหล่อและคารมดีทำให้เธอยอม ความรู้สึกตอนนั้นผมเหมือนทั้งโลกหยุดนิ่งและอึ้งไปนานเลย ผมบอกว่าปวดหัวแล้ววางสายเข้านอนเลย ตลอดทั้งคืนคิดฟุ้งซ่านไปหมด คำถามมีเต็มหัว ทำไมเธอง่ายจัง.. ทำไมถึงยอม.. นึกภาพบัดสีระหว่างแฟนเก่ากับเธอทั้งหมดนั้นทำให้ผมรับไม่ได้ คุณต้องเข้าใจนะว่า ผู้ชายที่ยังไม่เคยส่วนมากจะคิดเหมือนผม (กลุ่มผมส่วนมากเป็นเด็กเรียนดีเรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยยุ่งนักทำให้หลายคนยังซิงๆ อยู่) เพื่อนผมแต่ละคนก็คิดอย่างผมทั้งนั้น คืนนั้นก็เลยตัดสินใจว่า เอาล่ะ..มันคงจบลงแล้ว พรุ่งนี้จะไปบอกเลิกกับเธอ ทั้งๆ ที่ผมรักมากและเจ็บมาก ผมหลับพร้อมกับน้ำตาท่วมหมอน

พอตอนเช้าเจอเธอที่ทำงาน คำแรกที่เธอพูดคือเมื่อคืนเป็นอะไรหรือเปล่า ภาพที่ผมเห็นก็คือ เธอยังสวยเหมือนวันแรกที่ผมเจอ ยังน่ารัก ยังยิ้มแย้ม ยังแจ่มใส ไม่ต่างจากวันแรกที่ผมตกหลุมรัก ผมเลยคิดได้ว่าที่เรารักมันคือสิ่งเหล่านี้ต่างหาก ไม่เกี่ยวกับเรื่อง sexเลย เรื่องที่จะบอกเลิกก็หมดจากหัวไปทันที

ทุกวันนี้ก็คบกันมากว่า 7 ปีแล้วและผมคิดว่า รักครั้งนี้จะเป็นรักครั้งแรกและครั้งเดียวของผม เป็นพลังที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ เป็นจุดหมายปลายทาง เป็นแรงบันดาลใจ ผมยอมรับว่าบางครั้งนานๆ ที ก็นึกถึงเรื่องเธอกับแฟนเก่าบ้าง ซึ่งทุกครั้งผมจะหงุดหงิดใจมาก จนพาลไปทะเลาะบ่อยๆ โดยไม่ได้บอกเธอว่าผมโกรธเรื่องอะไร ดูเธอเสียใจมากแต่เธอก็ยังดีกับผมเสมอมา

จนวันนี้ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า ผมเลิกคิดแล้วเรื่องเธอจะมีอะไรกับใครมาก่อน มันไม่สำคัญเลย เพราะสิ่งที่เธอให้ผมนั้นมันมีค่ามากกว่าแค่เยื่อบางๆ เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม นั่นคือ ความรัก ความห่วงใยที่เธอให้ผม เธอคือแรงบันดาลใจให้ผมก้าวเดินต่อไป สิ่งเดียวที่ผมต้องการจากเธอคือขอให้ผมเป็นคนสุดท้ายของเธอ

ผู้ชายที่ได้เป็น "รักแรก" ของผู้หญิง อาจจะเป็น "คนโชคดี"

แต่ผู้ชายที่ได้เป็น "รักสุดท้าย" สิ เป็น "คนโชคดีที่สุด" -----

ที่มา webboard มีชื่อแห่งนึง..

...คนเราไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอดีตได้ เมื่อตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแล้วก็คงต้องยืดอกยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นอย่างเต็มใจ ในความคิดของเรานะ.. ความผิดพลาดในอดีตเป็นเพียงความทรงจำอันปวดร้าวที่เป็นเหมือนฝันร้าย ที่มันเจ็บปวดทรมาณตลอดเวลาที่เราอยู่ในความฝันนั้น แต่ทันทีที่เราลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อพบเจอกับความจริงที่อยู่ตรงหน้านี้สิคือสิ่งที่เราต้องทำให้มันดีที่สุด .. คิดว่าอย่างนั้นนะ..

มันคงจะดี ถ้า "ความรัก" จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตของคนๆ หนึ่ง อาจจะต้องรอนานกว่าจะได้เจอคนที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่ของเรา กว่าจะหลุดพ้นจากความเหงาที่เดียวดายมาสู่ชีวิตที่สมบูรณ์และมีความสุข บางครั้งอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหาคนๆ นั้น แต่มันก็คงจะดีกว่าการหลงทางอยู่ในสิ่งที่คิดไปเองว่ามันคือ "ความรัก" ที่มันไม่มีวันเป็นจริง ความทรมาณจากการรอคอยมันคงดีกว่าความเจ็บปวดเพราะความรักที่ผิดพลาด..ใช่ไหม..

สำหรับเราแล้วได้แต่หวังว่า คนรักที่เราตัดสินใจเดิมพัน "ชีวิต" กับ "จิตใจ" ของเค้าแล้วนั้นคงจะเป็นคนแรกและคนเดียวในชีวิต สิ่งที่หวังจะเป็นจริงได้หรือไม่ เราอาจต้องใช้เวลาพิสูจน์ยาวนานเท่าชีวิตของเราเองเลยทีเดียว..

วันพุธ, มีนาคม 18, 2552

Be prepared for the CHANGE

Sometimes LIFE goes high.
Sometimes falls to ground.
But no matter where you are.
Stay cool & Keep calm.
You'll find ฟppiness there.
Cause LIFE is too short.
Don't stick & waste it from the things that passed.


อ่านกี่ครั้งก็ยังรู้สึกดีเสมอ..
บางช่วงเวลาของชีวิตดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างช่างราบรื่นเสียจริง
อะไรๆ ก็ดูจะง่ายๆ สบายๆ ไปเสียหมด รู้สึกเหมือนดังกับว่าโลกทั้งโลกหมุนตามเรา


แต่ในบางขณะชีวิตเส้นทางที่เคยเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ
กลับกลายเป็นเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงทุกอย่างก้าวที่ผ่านไป
อุปสรรคมากมายเข้ามากระหน่ำซ้ำเติมให้แทบจะจมดิน

แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร
จงมีสติตั้งมั่นอย่างเยือกเย็น แล้วคุณก็จะพบว่าความสุขนั้นอยู่กับคุณนั่นเอง

เพราะชีวิตนั้นช่างสั้นนัก.. จงอย่ายึดติด อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 24, 2552

เอานิยามของคำว่ารักแท้มาฝากค่ะ

วัยและประสบการณ์ทำให้คนมีนิยามของ "รักแท้" แตกต่างกันไป

บางคนก็ว่า รักแท้.. ไม่เคยอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์
บางคนก็ว่า รักแท้.. คือรักที่กำลังรักอยู่ยามนี้
บางคนก็ว่า รักแท้.. หาเอาได้ตามเตียงทุกเตียง

แต่มีนักจิตวิทยาได้ให้องค์ประกอบของรักแท้ สำหรับให้คนพิสูจน์ความรักหนนั้นของตนว่า มันเป็นรักแท้ขนานแท้ รักแท้แบบปลอมปน หรือรักที่ปลอมสนิท

1. ต้องมีความรู้สึกได้สัมผัสกับความสุขร่วมกับคนๆ นั้น เมื่ออยู่ด้วยกันก็จะมีความสุขมาก ไม่เคยเบื่อที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ และเมื่อยามที่เขาห่างไกลไม่ได้เห็นหน้า ก็จะรู้สึกเหงาๆ และคิดถึง ไม่ใช่พอเขาหันหลังให้ ยังเห็นชายเสื้อแว้บๆ ก็แทบจะตีปีกโลดเต้นดีใจ

2. ต้องให้ความเคารพนับถือคนๆ นั้น ถ้าจะรักใครสักคนแล้วตั้งหน้าดูถูกไม่เคยให้ความเคารพใครอื่นจะเคารพคนๆ นั้นของเรา และการที่ได้รักใคร่กับคนที่ใครๆเขาดูถูก มันจะเหลือความภูมิใจในคนๆ นั้นสำหรับเราได้ยังไง

3. ต้องรู้สึกว่าคนๆ นั้นเป็นที่พึ่งได้ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นในชีวิตก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเพื่อคอยช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่าเรากำลังจะตกตึกอยู่รอมร่อ ก็ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยฉุด

4. ต้องเชื่อมั่นว่าถ้ามีปัญหาใดๆเกิดขึ้น ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน สัมพันธภาพก็ยังคงดำเนินต่อไปเพราะคนเราย่อมผิดพลาดกันได้ ถ้ารู้จักอภัยกันมันก็อยู่กันทนไม่ใช่ผิดหนเดียวก็ถีบส่ง

5. ต้องเข้าถึงความต้องการ อารมณ์ และความรู้สึกของคนๆ นั้น อย่างถ้ารู้ว่าชอบจะอยู่คนเดียวตามลำพังบ้าง ก็ควรเปิดโอกาสได้อยู่กับตัวเองด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เปิดโอกาอย่างกระเง้ากระงอดื่

6. ต้องมีความรู้สึกต้องตาต้องใจในสรีระของคนๆ นั้น ไม่ว่าจะต้องเสน่ห์ในความเป็นหญิงกำยำ หรือในความล้านจนขึ้นเงาวับบนหัวเขา มันก็มีส่วนในความรักเหมือนกัน

7. ต้องรู้สึกว่าเราสามารถจะพูดคุยกับคนๆ นั้นได้ทุกเรื่องอย่างเปิดอก สามารถที่จะขุดความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจขึ้นมาพูดได้ ไม่ใช่ต้องปิดบังความรู้สึกส่วนนั้นไว้ เพราะกลัวว่าถ้าพูดออกมาแล้ว เราจะอับอาย หรือไม่ก็กลัวว่าเขาได้ยินแล้วจะผงะหงายแล้วเดินหายไปจากชีวิต

8. ต้องรู้สึกว่าคนๆ นั้นเป็นของมีค่าในมือ ถ้าไม่มีเขาสักคนชีวิตของเราก็สูญของมีค่าไป

9. ต้องรู้สึกเต็มใจที่มีส่วนร่วมกับคนๆ นั้นในหลายๆ ด้าน เป็นต้นว่า ความคิด อารมณ์และเวลาแต่ไม่ใช่ร่วมกับเขาไปหมด จนเขาไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง

10. ต้องรู้สึกอยากมีส่วนร่วมอยากรับฟังทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีหรือเป็นสิ่งที่ทุกข์ ที่เรียกว่า ร่วมทุกข์ร่วมสุข เพราะคนที่ต้องการแต่จะร่วมสุข นั่นหมายถึงว่าคุณไม่ได้มีรักแท้กับคนๆ นั้น

ถ้ามีครบทุกข้อดังที่กล่าวมา ให้ถือว่ากำลังมีรักแท้โดยสมบูรณ์
แต่ถ้าขาดไปสักข้อสองข้อ ก็ให้โมเมว่ายังเป็นรักแท้อยู่
แต่ถ้ามีเพียงหนึ่งหรือสองข้อในจำนวนทั้งหมดที่กล่าวมา ก็จงอย่าพยายามหลอกตัวเองว่ารักนี้เป็นรักแท้ เพราะไม่เช่นนั้นทั้งสิบคนที่คบอยู่จะเป็นรักแท้ไปหมด

แล้วความรักของคุณขณะนี้ล่ะเป็นรักแท้แบบไหน....

สำหรับเราเหรอ..
# อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกมีความสุข ไม่เบื่อเลยเวลาที่เค้าอยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าเค้าไม่อยู่สิเหงาขึ้นมาทันทีแล้วก็คิดถึงอยู่เรื่อยๆ ทั้งวันแหละ
# เคารพนับถือเค้านะ (ค่อนข้างชื่นชมเลยแหละ) ในความคิดเรา เค้าเป็นคนที่เชื่อถือได้เสมอ ถึงไม่เก่งขนาด expert ไปซะทุกด้าน แต่อย่างน้อยในด้านที่เราไม่เอาอ่าวเอาซะเลย เค้าก็ยังสามารถอธิบายให้เราฟังได้ละกัน
# เชื่อเสมอว่าพึ่งพาเค้าได้ ไม่ว่าจะมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอย่างไร เค้าก็จะเป็นคนที่มั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้เราผิดหวังแน่นอน
# จะผิดใจกันกี่ครั้งแต่ก็เชื่อว่าจะไม่เลิกกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เวลาตัวเองสักพักเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ ใช้เหตุผลแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
# ด้านอารมณ์จะว่าเข้าถึงไหม.. ก็พอสัมผัสได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด ลึกๆ แล้วยังอยากให้เค้าแคร์เรามากๆ จนบางทีก็ล้ำเลยความเป็นส่วนตัวไปบ้างเหมือนกัน
# สรีระเหรอ 55+ เมื่อก่อนถึงขั้นกลัวเลยล่ะ เพราะไม่อยู่ในความคิดมาก่อนเลย ทั้งที่ไม่มีสเป็กในใจนะ แต่ก็ตกใจพอสมควรตอนที่เจอเค้า แต่คบกันมาซักระยะก็เริ่มชินกับรูปร่างหน้าตา จนตอนนี้ชอบในความ "แน่น" ของเค้าอ่ะ ให้สัมผัสที่ดูแข็งแรง อบอุ่นดี ขาวตี๋สะอาดสะอ้าน อื้มมม..มม นี่แหละ !!!
# เป็นคนที่รู้เรื่องราวของเราทุกเรื่องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรียกว่าคิดอะไรก็บอกหมด จะโหมดไหนร้องไห้คร่ำครวญ หัวเราะขำกลิ้ง ทะลึ่งลามก ทันเราหมดทุกเรื่อง (ดีไม่ดีจะมากกว่าด้วยซ้ำไป) แต่ก็ยอมรับนะว่ามีบ้างที่รู้สึกอายจนไม่กล้าพูดออกไป หรือไม่ก็เบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นๆ แทน ......ก็มันอายนี่นา....
# ในที่สุดก็รู้สึกแล้วล่ะว่าเค้าเป็นคนที่มีค่ามาก แบบที่ว่าจะหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ไม่อยากจะสูญเสียเค้าไป อย่างนี้ขอแค่คนเดียวก็พอ
# ความรู้สึกเต็มใจมีส่วนร่วมกับเค้าส่วนมากก็เป็นอย่างนั้นนะ แต่บางทีก็แล้วแต่อารมณ์ส่วนตัวเหมือนกัน มีบ้างที่ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่
# อยากร่วมรับฟังทุกอย่างสิ อยากรู้ว่าเค้าคิดอะไรบ้าง อยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเค้า มันขึ้นอยู่กับเค้ามากกว่าว่าจะเปิดเผยเรื่องไหนแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ "ตัวตน" สูงเสียด้วยสิ

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 17, 2552

วัดใจ..เสี่ยงดวง (Desperate Student ภาค II)

คราวก่อนเอากระดาษคำตอบสุดครีเอทของเด็กสมองเฟื่องมาลงทีนึงแล้ว นึกว่านั่นน่ะเจ๋งสุดแล้วนะ แต่วันนี้เพิ่งได้รับ FWD Mail มาเพิ่ม อันนี้มีไอเดียเริ่ดพอกัน ไม่รู้ข้อสอบมันยากจัด หรือเด็กมันเอาสมองซีกไหนมาคิดวะเนี่ย -*-?
((((แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นครูมันคงขำไม่ออกแน่ๆ ล่ะ))))

ข้อแรกข้อสอบคณิตศาสตร์ ดูจากลักษณะข้อสอบถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น ม.ต้น
รายนี้ออกแนวสติแตก -_-"
คิดไม่ออกจัด ออกแนวถ่อย นอกจากจะไม่ได้คะแนนแล้ว ยังโดนอาจารย์เรียกพบอีกต่างหาก 55+

ข้อสองวิชาภาษาอังกฤษ หมวดเรื่องคำตรงข้าม
วิเคราะห์ว่า เจ้าของกระดาษคำตอบน่าจะเป็นเด็กติดเกมส์ออนไลน์แหงมๆ
##เผื่อไม่เก็ท## ในวงการเกมส์คอมฯ บัญญัติศัพท์ที่เรียกคนเก่งๆ ว่า "เทพ" หรือ "Pro" อาจจะเคยได้ยินว่า "ไอ้นั่น..แมร่งอย่างเทพเลยว่ะ!!" อะไรประมาณนี้ และในทางตรงกันข้าม พวกเล่นไม่เก่งหรือฝีมือยังอ่อนหัดก็จะเรียกกันว่า "Newbie" หรือเรียกย่อๆ ว่า "noob" นั่นเอง

ข้อถัดมาวิชา Intro to Comm. การสื่อสารเบื้องต้น
รายนี้ประเภทวัดใจ.. กะว่า A/B/C/D มี4 ตัวเลือก ข้อสอบ 100 ข้อ ขี้หมูขี้หมามันก็ต้องมีถูกมั่งล่ะวะ ความน่าจะซัก 25% บวกลบนิดหน่อยแล้วแต่บุญแต่กรรม แต่!!!! นายคนนี้คงอ่านโจยท์ไม่ละเอียดว่าข้อสอบน่ะเป็นแบบถูกผิด ให้เลือกคำตอบแค่ A หรือ B เท่านั้น แต่ he ไปโซโล่เลือก C ซะเรียบ มันก็ทั้งร้อยข้อน่ะสิ (จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด -*-)

ข้ามมาดูฝั่งเด็กไทยมั่งดีกว่า ให้รู้ไปว่าเด็กไทยอย่างเรามีดี (รึเปล่า??)

1. น่าจะเป็นคณิตศาสตร์นะ หาปริมาตรของทรงตัน


ถึงขั้นเชือดเฉือนกันด้วยธรรมมะเลยทีเดียว เมื่อฝ่ายลูกศิษย์ร้องขอความเมตตา..
"เมตตาธรรม..ค้ำจุนโลก"
~~~อาจารย์สงสารผมเถอะคร้าบ..บ (T_T)~~~

อาจารย์ก็ใช่ย่อยสวนกลับไปด้วยสุภาษิตเช่นกัน
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
~~~ช่วยไม่ได้ ทำได้แค่นี้ ก็เอาคะแนนไปแค่นี้ละกัน)~~~

2.คณิตศาสตร์ถึงทางตัน
ได้ความว่า อาจารย์ท่านต้องการให้หาปริมาตรของเจ้าลูกกลมๆ นี่ ส่วนลูกศิษย์ที่น่ารักคิดไม่ออก ทำยังไงมันก็มึนตึ้บ "มืดแปดด้าน" เป็นคำตอบสุดท้าย แต่รายนี้อาจารย์ให้ค่ามุกไป 1 คะแนน

ก็ลองดูพอขำๆ แต่อย่าคิดไปทำอะไรอย่างนี้เลยละกัน เดี๋ยวอาจารย์ไม่ขำด้วยจะซวยไปกันใหญ่

วันศุกร์, มกราคม 09, 2552

เรื่องมีอยู่ว่า "ภาษาวิบัติ"

ที่จริงจะว่าไปแล้ว ถ้าใครได้เล่นอินเตอร์เนตเป็นประจำ ยังงั๊ย . . . ยังไง . . . ก็ต้องเคยเห็นป้ายนี้ซักแห่งนึงในโลกอินเตอร์เนตนี้ล่ะนะ แต่ดูเหมือนการเผยแพร่ป้ายนี้หลายต่อหลายที่ไม่ได้กำกับบอกว่าอันไหนเป็นภาษาวิบัติ อันไหนไม่ได้เป็นภาษาวิบัติเอาไว้ คือจริงอยู่ที่ภาษาแบบนี้เหมือนเราจะรู้ได้ด้วยจิตใต้สำนึกไม่ต้องพิจารณาอะไรมาก คำไหนที่ไม่ได้มีมาแต่โบร่ำโบราณเราก็ว่าเป็นวิบัติไปเสียหมด ทั้ง ๆ ที่บางคำนั้นไม่ใช่ภาษาวิบัติเลย ก็มีอยู่หลายแบบเช่น

คำเลียนเสียง
หลายต่อหลายครั้ง และ หลายต่อหลายคน ที่เคยคิดว่าคำเลียนเสียงนั้นวิบัติ(รวมทั้งผมด้วย) แต่หากมองกันดี ๆ แล้วมันน่าจะใช้ได้ และไม่น่าจะถือว่าวิบัติด้วย เช่น

มั้ย - ไหม เวลาพูดถามจริงเหอะ อย่างเช่น “เธอกินข้าวมั้ย” เราออกเสียงว่า “มั้ย” หรือ “ไหม” ซึ่งผมคิดว่า “ส่วนมาก” คงออกว่า “มั้ย” (พูดว่าส่วนมากไว้ก่อน เผื่อมีส่วนน้อย หรือพวกจะค้านหัวชนฝา) เพราะฉนั้นคำว่า “มั้ย” ในความคิดของผมไม่ใช่ภาษาวิบัติ ซึ่งตรงนี้มีการกล่าวถึงในหลาย ๆ ที่อยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
ก็ - ก้อ เอาจริง ๆ เลยนะตามหลักภาษาไทย(ที่เรียนมากับ อาจารย์ปิง) คำว่า “ก็” นี่มันออกเสียงว่า /เก๊าะ/ คือเป็นเสียงสั้น แต่เรามักจะออกเสียงเป็น /ก้อ/ ซึ่งจะเป็นเสียงยาว จริง ๆ แล้วมันก็ถือว่าออกเสียงผิดนะ แต่ด้วยความเคยชิน และความสะดวกต่าง ๆ ก็ใช้ได้ ไม่ได้มีใครว่าอะไร จะว่าไป ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้ว “ก็” อ่านว่าอย่างไร เพราะฉนั้นถ้าต้องการเขียนแบบเลียนเสียงเราก็สามารถเขียนเป็น “ก้อ” ได้ไม่วิบัติแต่อย่างใด
ชั้น - ฉัน / เค้า - เขา

คำพิมพ์ผิด
กลุ่มนี้นี่ประมาณว่า ปุ่ม Shift มันเสีย
เป้น - เป็น คือถามว่าจริง ๆ แล้วมันผิดรึป่าวคำว่า “เป้น” เนี่ย คือมันก็ผิดอะนะ แต่มันไม่ใช่วิบัตินะ อาจจะบางครั้งแค่ต้องการความรวดเร็วในการพิมพ์เลยก็ลืมกด Shift หรืออาจจะกดแล้วนะ แต่มันไวเกินไปกดไม่ลงน่ะ(ผมเองก็เป็นบ่อย สังเกตได้จากในหลาย ๆ โพสในบล๊อกนี้ ก่อนจะ Publish ผมก็พยายามแก้หลายครั้งแล้ว แต่บางทีมันก็ไม่หมด ฮ่าๆ) และอื่น ๆ อีกหลาย ๆ คำ เช่น
กุ
รุ
เห้น
ลำใย (ลำไย)
ศรีษะ(ศีรษะ)
ปาติหาน
อัศจรร
สมมุต

แบบคำแสลง ภาษาวัยรุ่น
แอ๊บแบ๊ว
เสี่ยว
สตอ
โบว
จิ้น
เห็ดสด
กาก

แบบคำย่อ
มหาลัย(มหาวิทยาลัย)
วิดวะ(วิศวะ)
จาน (อาจารย์)
สินสาด (ศิลปศาสตร์)
สินกำ (ศิลปกรรมศาสตร์)
เสารีย์ (อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
โรงบาน (โรงพยาบาล)
ซอย (สีลมซอย 2)
อาร์ (อาร์ซีเอ)
ตรอก (ตรอกข้าวสาร)
โปร,โปรโกง (โปรแกรมโกงเกมส์)

คำอุทาน
เว้ย
เฮ้ย
เจ๊ดเข้
อุ๊ยแม่เมิงตก
เสม็ตดุ๋ย
ชะมดเช็ดสะเด็ดยาด
ตะแบ๊บ ตะแบ๊บ เป๊าะแป๊ะ เป๊าะแป๊ะ แอ๊ว แอ๊ว

แบบคำเติมท้าย
ในที่นี้คือคำเติมท้ายที่ไม่มีความหมายในพจนานุกรมไทย แต่ก็จะใส่ มีไรมะ (เพราะเป็นคำที่ใช้แสดงอารมณ์หรือใช้แสดงความคิกขุของผู้เขียน/พิมพ์)
งุงิ
เงอะ
ง่า
งับ(ครับ)
แง่ว
แบบคำแสลง
แอ๊บแบ๊ว
เสี่ยว

แบบคำทับศัพท์
เกรท
กู๊ด
คาวาอี้
อิคึ
คิโมชิ~
คิกขุ

แบบอิโมติค่อน
^__^
@__@
:)
:(
-*-

แบบจำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะไม่อย่างนั้นจะถูกเซ็นเซอร์
ครวย / ฆวย / Kuay / 8;p / คุวย / ฆวญ / KVY / kvy / Buffalo No R (ควย)
กรู / กุ / GOO / GU (กู)
มรึง / มึNG (มึง)
แม่ม / แม่NG (แม่ง)
เฮี่ย / เหรี้ย (เหี้ย)
ไอ้สาด ไอ้เวน
เย็ต / เย็ศ / เญ็ด / เย็ก / เยด / yed / YED (เย็ด)
จังไร / จังไล / จันไล / จันไร / จางไร / จานราย / จางราย / จัญไล / จันทร์ไร (จัญไร)
ฟาย / ฟราย / ฟลาย / Kwai (ควาย)

แบบลากเสียง
อาราย (อะไร)
คร้าบ(ครับ)

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าบางคำที่เราคิดว่าวิบัติ จริง ๆ แล้วไม่ได้วิบัติเลย แล้วอาจจะสงสัยในคำวิบัติแล้วล่ะสิ ว่าแล้วคำไหนล่ะวิบัติขนานแท้

ก่อนพูดถึงตรงนั้น ได้ดูนิยามของภาษาวิบัติก่อนดีกว่า

ภาษาวิบัติ คือ ภาษาที่ถูกแปลงมาจากคำในภาษาเดิม ให้สามารถเขียนได้ในรูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ภาษาวิบัตินี้มักจะผิดหลักในการเขียนอยู่เสมอ และมักออกเสียงได้ไม่ตรงกับเสียงพูดจริง

ถ้าจะให้แยกแยะได้ง่ายๆ คำที่ไม่อยู่ในพจนานุกรม และไม่เป็นไปตามกฏของหลักภาษาไทยโดยส่วนใหญ่จะเป็นภาษาวิบัติ ซึ่งส่วนที่เป็นภาษาวิบัติขนานแท้ ที่ผมพอจะรวบรวมมาได้ก็มีดังนี้

กลุ่มพ้องเสียง
รูปแบบของภาษาวิบัติชนิดนี้ จะเป็น คำพ้องเสียง โดยส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะใช้ในเวลาเขียนเท่านั้น และคำที่นำมาใช้แทนกันนี้มักจะเป็นคำที่ไม่มีในพจนานุกรม
เทอ(เธอ)
จัย(ใจ)
งัย(ไง)
นู๋(หนู)
มู๋(หมู)
ปันยา(ปัญญา)
กำ(กรรม)

กลุ่มขี้เกียจพิมพ์
พวกนี้จะคล้ายๆกับกลุ่มคำพ้องเสียง เพียงแต่ว่าบางครั้งการกด Shift มันน่ารำคาญ พวกนี้เลยขี้เกียจกด แล้วเปลี่ยนคำที่ต้องการเป็นอีกคำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กันแทน ซึ่งอาจจะเห็นว่าไปตรงกับกลุ่ม คำพิมพ์ผิด ซึ่งไม่ใช่ภาษาวิบัติ ทำไม่มันขัดแย้งกันล่ะ เออ!! คือถ้าตั้งใจวิบัติ มันก็เป็นวิบัติน่ะ แต่ถ้าไม่ตั้งใจเช่นกด Shift แล้วนะ แต่มันไม่ลงอะ อาจจะบอกว่าสังเกตยากมาก ๆ แต่คือถ้ามันไม่ได้คอขาดบาดตาย หรือสาธารณะอะไรบ้าง ก็ปล่อยวางกลุ่มนี้มั่งก็ดีนะ
กุ(กู)
เหน(เห็น)
เปน(เป็น)
ซึ่งสองตัวอย่างหลังนี่ ถ้าเคยเปิดอ่านหนังสือเก่าๆ ดู จะพบว่าไปซ้ำกับอักขรวิธีในสมัยก่อน (ประมาณปี พ.ศ. 2480)

กลุ่มโชว์ Inw
แบบว่า ใช้ตัวอัษรในภาษาอื่นแทนน่ะ
Inw(เทพ)
uou(นอน)
เกรีeu(เกรียน)
IInJIISJIISJ (แทงแรงแรง)
IIOUIInJISO (แอบแทงเธอ)

แบบลูกผู้ดีกระแดะ
จะมี ร์ กำกับไว้ข้างท้ายเสมอ เช่น
เทอร์ = เธอ
แกร์ = แก
วิคิพีเดียร์ = วิกิพีเดีย
เหี้ยร์, เชี่ยร์ = เหี้ย(คำว่า เชี่ย มีรากศัพท์มาจาก เหี้ย)
คับร์ = คับ(ครับ)
โปรแกรมร์ = โปรแกรม

แบบเสื่อมกว่านี้มีอีกมั้ย
เข้ามาโหน่ยจิ๊เพิ้ลๆมีเรื่องอยากห้ายช้วยโหน่ย
หว่ะเดนร๊าเพิ้ลๆๆ ครือเราอยากจราถรามรายหน่อยอ๊า...ครือ เพิ้ลเราเป๊งเกย์ แร๊นมานจิกาบจั้ยอ๊ะ ต้องทามงายม๊างหย๋อ เพิ้ลเรามานหล่อมั๊กมายง้ะ หล่อเว่อร์โรยอ่ะ แต่เ สี ยอ ย่างเด วมา นเป๊ งเก ย์อ๊ าาา มานบอกเราว่าอยากจิกาบใจง้ะ เพิ้ลๆช้วยบอกหน่อยนร๊าว่าควนจิทามไง๊ ตอนแร๊กๆมานก๊ชอบผุญิ๊งน๊ะ แต่ปายๆมาๆมานไปชอบผุ้ชายอ๊ะ สงสัยมานคงจิโรคจิต บอกวิธีแก้หน่อยจิ๊ ขอบคุงง้าบบ
ปล. ลืมปรายๆๆ มีอิกคลมานเป๊งทอมอ๊ะ จิ๊กลับจรายได้เป่าอยากห้ายมานเป๊ง ญ เหมือนเดิมง้ะ ?

กลุ่มที่ใช้เวลาพูดเป็นประเภทของภาษาวิบัติที่ใช้ในเวลาพูดกัน ซึ่งบางครั้งก็ปรากฏขึ้นในการเขียนด้วย แต่น้อยกว่าประเภทกลุ่มที่ใช้ในเวลาเขียน โดยมักพูดให้มีเสียงสั้นลง หรือยาวขึ้น หรือไม่ออกเสียงควบกล้ำเลย ประเภทนี้เรียกได้อีกอย่างว่ากลุ่มเพี้ยนเสียง เช่น
ตะเอง (ตัวเอง)
เตง (ตัวเอง)
ขอบคุง (ขอบคุณ)
แม่ม (แม่ง)
แสด (สัตว์)
พ่อง (พ่อเมิง)
สลัด(สัตว์)
สรัด,สรัส(สัตว์ :ออกเสียง ร เรือ ด้วย)

อย่างเช่นพวกคำที่ลากยาวทั้งหลายแหล่ (ม่าย ช่าย ด้าย) คือลองคิดนะ เวลาพูดมีใครออกเสียงแบบนี้หรือป่าว ถ้ามีก็ถือว่าเป็นคำเลียนเสียง แต่ถ้าไม่มีมันก็วิบัติ แต่บางคำก็ไม่ใช่นะ อย่างเช่น อาราย คือบางครั้งเราก็ออกเสียงนี้ได้ในบางโอกาส จริงมะ

หลายครั้งเรามักอ้างว่าใช้ภาษาวิบัติเพื่อความเร็วในการพิมพ์ เราเข้าใจภาษาวิบัติเป็นคำพิมพ์ผิดรึป่าว ลองไปอ่านดู เพราะภาษาวิบัติหลายคำจริง ๆ ดูแล้วมันจะพิมส์ช้าขึ้นเสียมากกว่า

เมื่อไรจะใช้ภาษาวิบัติได้

ตามหลักภาษาไทยแล้ว ภาษาแบ่งเป็น 5 ระดับ โดยระดับสุดท้ายเป็นภาษาระดับเป็นกันเอง ใช้กันแค่ในกลุ่ม เข้าใจกันในกลุ่ม ซึ่งตรงนี้แหละที่ผมคิดว่าใช้ได้นะ อย่างเช่น คุย MSN กัน 2 คน อะไรแบบนี้ จะใช้ก็ใช้ไปเถอะ หรืออาจจะในบล๊อกที่มีคนไม่มากนัก(อย่างที่นี่ เวรกำ!!) แต่ถ้ามีความเป็นสาธารณะขึ้นมาก็ไม่ควรใช้ เช่นตาม Webboard ต่าง ๆ ตามเว็บต่าง ๆ หรือแม้แต่ในสื่อต่าง ๆ

สรุป ตรงนี้ให้อธิบายง่าย ๆ ก็เหมือนกับ เราใช้สรรพนาม “กู-มึง” กับเพื่อนสนิท แต่เราใช้ “ผม-คุณ” กับคนที่ไม่รู้จัก คือเราสามารถใช้ “ผม-คุณ” กับเพื่อนสนิทก็ได้ แต่มันคงไม่ชิน และถ้าเราคิดว่าเราใช้ “กู-มึง” กับเพื่อนสนิทแล้ว จะทำให้เราใช้จนติด แล้วนำมาใช้กับคนอื่น เราก็คิดได้เองแหละครับ ว่าเราไม่ควรใช้ “กู-มึง” แม้แต่กับเพื่อนสนิท เพื่อที่จะได้ไม่ติด แต่ถ้าแยกแยะออก จะใช้ “กู-มึง” กับเพื่อนก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ!! ซึ่งมันก็เหมือนกับภาษาวิบัตินั่นแหละ!!

*** สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ผมเขียนมาในข้างบนนี้ทั้งหมด เป็นเพียงความคิดเห็นของผมคนเดียว โปรดใช้วิจารนญาณในการอ่าน ถ้าผิดพลาดประการใด เอ่อ คอมเม้นไว้ละกันเดี๋ยวผมจะแก้ให้ ^^

เอามาจากเนี่ย
http://www.taeroz.com/2008/03/what-is-the-disaster-language/
ซึ่งก็เอาข้อมูลมากเนี่ยอีกที
http://th.uncyclopedia.info/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4

วันอังคาร, กันยายน 09, 2551

ข้างหลังภาพ เดอะ มิวสิคัล

1.ภาพแห่งชีวิต - นพพร,กีรติ,หมู่มวล
หมู่มวล : ฮู ฮู ฮู...
นพพร : ภาพแห่งชีวิต ใครเล่าขีดเขียนขึ้นมา วาดให้คนได้พบกัน จวบจนวันที่ร่ำลาระบายความตรึงตรา หัวใจ ภาพแห่งชีวิต ใครจะขีดเขียนต่อไป เมื่อคนได้หายไป แต่อีกคนยังหายใจ ด้วยความอาลัยอยู่เสมอ
ปรีดิ์ (พูด) ภาพที่ไหนหรือคะ
นพพร (พูด) มิตาเกะ เพื่อนคนหนึ่งของพี่เขียนให้
ปรีดิ์ (พูด) ดีแล้วค่ะที่ไม่ได้ซื้อ เพราะฝีมือก็ธรรมดา ไม่เห็นจะสวยซักเท่าไหร่ แต่ปรีดิ์อาจจะดูไม่เป็นก็ได้นะคะ
นพพร (พูด) จำไว้นะปรีดิ์ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะเห็นว่าอะไรสวยเหมือนกันหมด

กีรติ : เรือนร่างที่ตัวเราเฝ้าถนอมความสวยงามไม่เคยยอมให้จางหาย รอสักคนเข้ามาสัมผัสมอบรักให้ใจดวงนี้ได้
มวลหมู่ : เปรียบเธอดั่งดอกฟ้า เปรียบเขาดั่งภูผา ที่เฝ้ารอคืนวันจะได้ร่วมวิวาห์ รักจะเกิดขึ้นเองยามเมื่อช่วงเวลาได้ผ่านพ้นจงร่วมอวยพรแด่เธอ

2.นะท์ซึ - หมู่มวล,พาที,เสรี, สมบูรณ์, นพพร, เจ้าคุณ,นวล
หมู่มวล : เฮ้ เฮ้ เฮ้ๆๆ เฮ้ๆๆ เฮ้ เฮ้ เฮ๋ เฮ้
นะท์ซึ นะท์ซึ ฤดูร้อน วันเริ่มต้นทุกสิ่ง ลมพัดมาหอบเอาไออุ่น รุ่งอรุณแห่งฤดูใหม่ นะท์ซึ นะท์ซึ ฤดูร้อน วันเริ่มต้นทุกอย่าง เคยพลั้งไปอภัยกันบ้าง ลืมเมื่อวานมาเริ่มกันใหม่ อธิษฐานยามลมแรกพัดพาพรจะสุขสม ปาฏิหารจะปรากฏขึ้นกับเราได้ทุกคน คุณพระจงโปรดดลบันดาล ชีวิตใครจะผันเปลี่ยนเมื่อสายลมพัดผ่านมา ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง

// //เฮ้ย // //เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย

เพื่อน : โอฮาโยจะไปไหนใยรีบร้อน นพพร วันนี้เรามีนัดสำคัญ
นพพร : วันนี้มีธุระต้องทำ
พาที : งานอันใดจะดีกว่าเทศกาลในวันนี้
เสรี : ไอ้เพื่อนซี้ไม่ไปวันนี้นายคงต้องเสียดาย มีสาวงามใส่ยูคาตะ
สมบูรณ์ : มีร้านยากิโซบะ
พาที/เสรี/สมบูรณ์ : เพื่อนรักจงมาให้ไว
นพพร : เพื่อนเอยต้องบอกว่าเสียใจ เราต้องไปรับเจ้าคุณ เจ้าคุณอธิการเพื่อนพ่อเรา เดี๋ยวไม่ทัน
เพื่อน : ท่านสำคัญมากกว่าเพื่อน?
นพพร : ท่านมีบุญคุณ
เพื่อน : อย่ามาอ้างเรื่องบุญคุณ
นพพร : แต่ที่ชอบเนรคุณน่ะพวกนาย ไปละ

เฮ้เฮ้เฮ้ เฮ้เฮ้เฮ้

นพพร (พูด) ท่านเจ้าคุณ มารอนานรึยังครับ?
เจ้าคุณอธิการ (พูด) อ้อ! นพพร !
นพพร (พูด) นี่คงเป็น..
เจ้าคุณอธิการ (พูด) นี่ต้นห้องของกีรติ ชื่อนวล ตอนนี้กีรติพลัดหลงไปไหนไม่รู้ รีบช่วยกันตามหาก่อนดีกว่า นวล (พูด) คุณหญิงใส่ชุดสีน้ำเงินลายจุดเจ้าค่ะ
นพพร (พูด) ครับ

3.ชุดน้ำเงินลายจุด -นพพร,กีรติ
นพพร : นั่นคุณรึเปล่า.. คุณหญิงกีรติ ขอโทษคือคุณใช่มั้ย ?
กีรติ : ค่ะ ดิฉันนั้นชื่อกีรติ ไม่เคยคุ้นหน้าคุณ แล้วคุณคือ...
นพพร : ตัวผมชื่อว่า นพพร
กีรติ : เธอเองนะหรือ คือ นพพร อะไรทำเธอให้มั่นใจ รู้ว่าใครคือฉัน
นพพร : ชุดน้ำเงินมีลายจุด ต้นห้องว่าอย่างนั้น
กีรติ : เดาว่าเธอแต่งชุดนักเรียน
นพพร : ใช่ คือชุดนักเรียน
กีรติ : ขอชมว่าน่าเอ็นดู ทั้งแบบและสีไม่เหมือนที่ใด ทำไมเราทั้งสองบังเอิญ
นพพร : บังเอิญเรื่องอะไร
กีรติ : เราต่างแต่งกายน้ำเงินเช่นกัน

4.เธอสวย -นพพร,พาที,เสรี,สมบูรณ์
พาที : เธอสวย เธอสวย
เสรี/มบูรณ์ : น่าชื่นชม
พาที : น่ารัก น่ารัก
เสรี/สมบูรณ์ : น่าดอมดม
พาที : เปรียบเธอดั่งซากุระบาน ยอดสคราญของมวลชน
เสรี/สมบูรณ์ : ไม่ว่าใครต้องจำนน
พาที : เกิดรุ่มร้อน ชายคนไหนจะมองจะเหมือนต้องมนต์ ให้ลุ่มหลง
เสรี/สมบูรณ์ : ให้ลุ่มหลง
เสรี : คุณหญิงเธอสวย
สมบูรณ์ : ใช่เลย
นพพร : สวยเกินใคร
สมบูรณ์ : พนันกันมั้ย
เสรี : ว่าไป
สมบูรณ์ : มาเดิมพัน ว่าเธออายุสักเท่าไหร่
นพพร : พวกนายว่างนักหรือไง
สมบูรณ์ : ก็เธอสวยซะเกินวัย
เสรี : นพพร
พาที : ก็คุณหญิงเธอช่างงดงามนี่ หรือว่านายไม่สงสัย
เสรี : สคราญ อย่างนี้ ยี่สิบแปด..
สมบูรณ์ : เต่งตึงอย่างนี้ ยี่สิบห้า..
พาที : นายล่ะจะทายว่าเท่าไหร่ ว่าอย่างไรวะ นพพร
นพพร : ยี่สิบหก เฮ้ย! หยุดเถอะวะ เกรงใจท่านเจ้าคุณหน่อย เพื่อนพ่อเรา เข้าใจมั้ย
พาที : ดูเจ้าคุณกำลังเต้นรำกับศรีภรรยา ช่างเหมือนว่าเป็นคู่ลูกสาวตัวเอง แกว่าไง?
สมบูรณ์ : ทำไมคนสวยๆ จึงมีสามีชราวัย
เสรี : ดูให้ดีมันช่างน่าสงสัย
พาที : หรือเพราะท่านเจ้าคุณมากด้วยฐานะและเงินทอง
เสรี : ใครได้ตีตราจองก็คงสบายถึงบั้นปลาย
สมบูรณ์ : ยอมควงชายชราเพื่อมรดกอันมากมาย
นพพร : ยอดนักวิเคราะห์จริงๆ โต๊ะนี้ ไปถามกับท่านตรงๆ ดีมั้ย
พาที/เสรี/สมบูรณ์ : ได้ เฮ้ย..ย เราเตรียมงาน เพื่อต้อนรับ ท่านคงชอบใช่มั้ยครับ
นพพร (พูด) สร้างภาพเก่งจริงๆ เลยนะ
พาที/เสรี/สมบูรณ์ : เปรียบเธอดั่งซากุระบาน ยอดสคราญของมวลชน ไม่ว่าใครต้องจำนน เกิดรุ่มร้อน ชายคนไหนจะมองจะเหมือนต้องมนต์ให้ลุ่มหลง

5. คำชมชองเธอ - กีรติ,นพพร
กีรติ (พูด) ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกับ ทุกคนกำลังจ้องมองฉัน ฉันทำอะไรผิดรึเปล่า
นพพร (พูด) คนที่นี่ เค้าไม่เคยเห็นใครงดงามเช่นคุณหญิงน่ะครับ
กีรติ (พูด) นพพร
นพพร (พูด) ก็คุณหญิงสง่างามจริงๆ นี่ครับ

กีรติ : คำชมของเธอ จงอย่าเที่ยวพูดไป เมื่อเจอะเจอสาวที่ไหน อาจจะทำให้เค้าเข้าใจผิด ว่าเธอนั้นกำลังคิดจะเกี้ยว
นพพร : คุณหญิงเป็นเพียงผู้เดียว ที่งามจนต้องชม ขอชมด้วยหัวใจ
กีรติ : ฉันเพิ่งเตือนเธอใช่มั้ย แต่เธอนะ ช่างดื้อเสียจริงๆ แต่ก็ดื้อด้วยความน่าเอ็นดู
นพพร : ขอดื้อเพราะพูดความจริง ทุกสิ่งไม่เคยป้อยอ
กีรติ : คนแก่อย่างฉันต้องขอขอบใจ
นพพร : เหตุใดแทนตัวว่าคนแก่ ไม่เห็นเป็นอย่างนั้น เมื่อครู่เพื่อนผมยังพนัน เรื่องอายุคุณหญิง เอ่อ ขอโทษครับ
กีรติ : พนันกันว่าซักเท่าไร
นพพร : ยี่สิบหก เอ้ย! ผมไม่ได้ร่วมพนัน แค่เท่าที่เห็นประมาณ ว่าไม่น่าเกิน ยี่สิบหกปี
กีรติ : อย่างนั้นเธอเองก็ทายผิด
นพพร : ว่าแล้ว ยี่สิบห้า
กีรติ : ที่จริงก็คือสามสิบห้า
นพพร : คุณหญิงพูดเล่นใช่มั้ย
กีรติ : ขอบใจนะนพพร เธอทำให้ฉันดีใจ รู้สึกเด็กไปได้ตั้งสิบปี

6.ความสุขที่แท้จริง -นวล,กีรติ
นวล : ความสุขแท้ทำให้คนดูดี สุขเมื่อได้ดำรงเกียรติศักดิ์ศรี คอยปกป้องชาติตระกูล ดังภาพที่ไร้ร่องรอยราคี ช่วงชีวิตที่คุณหญิงมีมา ภาพชีวิตอันมีค่าอย่างนี้ ถ้าเปรอะรอยเถ้าธุลี ก็จะไม่งามดังเดิม เหมือนเป็นภาระอย่างหนักหนาจำต้องเผชิญ แต่ทุกก้าวที่คุณก้าวเดิน ยามสังคมชื่นชมสรรเสริญจะสุขหัวใจ
กีรติ : ได้พรั่งพร้อม มีผู้คนเยินยอ ย่อมจะพบพานความสุขใช่มั้ย ท่านคอยสอนสั่ง ยังจดยังจำ ทุกคนร่วมยินดี ฉันได้พบคนดี แล้วทำไม ฉันแค่อยากเข้าใจ สุขที่แท้จริงนั่นคืออะไร ถ้าวันนี้คือความสุขใช่มั้ย
นวล : โชคดีกว่าผู้ใด คุณย่อมรู้ดี ท่านพ่อคอยสอน คุณค่าอังพึงกระทำ ทุกคนใส่ใจ เมื่อคุณหญิงพบคนที่ดี เมื่อชีวิตเลือกเดินทางนี้ จงเชื่อนวลเถิดทำถูกแล้ว จะสุขหัวใจ อย่ากังวลมากมาย มองดูรอบกาย ความสุขที่แท้นั่นไซร้ คือได้มองเห็นผู้คน นับถือชื่นชม
กีรติ/นวล : เป็นคนโชคดีที่น่าอิจฉา นี่คือความสุขแท้

7.ท่องแดนตะวัน - หมู่มวล, นพพร, กีรติ
หมู่มวล : ท่องแดนตะวัน ได้เห็นเมืองมากมาย แผ่นดินนี้ตำนาน งามเหมือนภาพระบาย ยามตะวันส่องแสง ส่องทุกภาพที่ซ่อนเก็บความหมาย ให้เด่นและชัดออกมา
นพพร : เหตุใดดูเขาและเธอกลับห่างเหินกัน ทั้งที่มาฉลองน้ำผึ้งพระจันทร์ เหตุใดจึงทิ้งเธอไว้กับเราทุกวัน ทำให้เราข้องใจในความสัมพันธ์

กีรติ (พูด) เป็นภาพที่สวยมาก เธอว่าไหมนพพร
นพพร(พูด) ผมดูไม่เป็นเหมือนคนอื่นๆ เขาหรอกครับ อย่างนี้เขาเรียกว่าสวยหรือครับ คุณหญิง
กีรติ (พูด) จำไว้นะนพพร ไม่ใช่ทุกคนหรอก ที่จะเห็นว่าอะไรสวยเหมือนกันหมด
นพพร(พูด) แล้วทำไมคุณหญิงถึงว่ามันสวยล่ะครับ

กีรติ : ก่อนนี้ ฉันเฝ้าเรียนรู้อยู่หลายปี การระบายสีจากพู่กัน เพื่อวาดความฝันจากหัวใจที่ฉันมี กี่ครั้งก็ตามที่ฉันจับพู่กัน ชีวิตดั่งมีเสรี กระดาษของฉัน จะเปลี่ยนเป็นภาพสดใส
นพพร : ทิวทัศน์ ญี่ปุ่นก็ล้วนแต่น่ามอง น่าลองวาดดูซักใบ ถ้าหากคุณหญิงได้วาดต้องงามสดใส
กีรติ (พูด) แต่ฉันได้เลิกวาดภาพไปแล้วล่ะนพพร
นพพร(พูด) ทำไมล่ะครับ ทำไมคุณหญิงถึงเลิกวาดภาพล่ะครับ

(เสียงขบวนเทศกาล)
กีรติ (พูด) นพพร เราไปดูทางโน้นดีกว่า เขาเต้นอะไรกัน

(คุณหญิงกับนพพรร่วมเข้าเต้นในขบวนเทศกาล)
หมู่มวล : ท่องแดนตะวัน ได้เห็นเมืองมากมาย แผ่นดินนี้ตำนาน งามเหมือนภาพระบาย ยามตะวันเรืองรอง บางครั้งร้อนรุนแรงกว่าคาดไว้ ทำให้ตัวเรารุ่มร้อน
นพพร : ไม่อยากสงสัย ในเรื่องของเขาและเธอ แต่พอเจอทุกๆ วัน สิ่งที่ใครเขาพูดกัน เริ่มจะทำให้เราคล้อยตาม ด้วยความเพียบพร้อมและมีสกุลเช่นเธอ ใยถึงยอมวิวาห์กับชายสูงวัย ยิ่งเธอลึกลับ ยิ่งทำให้เราสนใจ มีพลังที่พาให้เราเข้าไป
หมู่มวล : ถึงเทศกาลดอกไม้ไฟ ฮานาบิ มัตสุริ พวกเรามาชื่นชมดอกไม้ไฟ แสงเรืองรอง ดูร้อนแรงยามประกาย มืดมนเพียงใด เมื่อดอกไม้ไฟกระจาย ทั่วแผ่นฟ้าจะได้สว่างสวยงาม

8.รักแท้มีอยู่จริง - เด็กญี่ปุ่น, นพพร, กีรติ
(เสียงเด็กญี่ปุ่นร้องเพลง)
sabisii yoru ni hoshikage shidare shiranai koi wo matsu
(ในคำคืนอันแสนเดียวดาย แสงดาวส่องประกาย หัวใจที่ไม่เคยเข้าใจอะไรดวงนี้ ยังคงรอคอยอยู่)
kono ko kokoro wo kibou ni iyatsu isuka koi dore airu
(รอคอยความรักจากใครซักคน ด้วยความหวัง เพื่อมารักษาหัวใจที่อิดโรยดวงนี้)
(เสียงเพลงญี่ปุ่นเริ่มไกลออกไป)

กีรติ (พูด) เพลงเพราะจัง
นพพร (พูด) เพลงจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นน่ะครับ เป็นเรื่องของผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ไปหลงรักเจ้าหญิงที่ไม่เคยมีความรัก และไม่กล้าที่จะรัก
กีรติ (พูด) เขาร้องว่าอะไรหรือนพพร
นพพร : ซ่อนตัวเองมานานเท่าไร จะไปกลัวทำไมความรัก สิ่งที่เธอไม่เคยรู้จักเลยสักครั้ง หากเธอลองมองมาให้ดี ฉันมีเธอในใจเท่านั้น แค่เพียงเธอเข้ามาใกล้กันก็จะเข้าใจ อาจไม่ดีราวกับเจ้าชาย อาจไม่คล้ายกับคนในฝัน แต่ก็พร้อมร้อนหนาวแทนเธอได้เสมอ จะกุมมือเวลาร้องไห้ เช็ดน้ำตานี้ให้กับเธอ อยู่ปลอบใจไม่ยอมห่างไกล ให้เธอได้รู้ รักแท้ยังมีอยู่จริง
กีรติ (พูด) จริงเหรอ... น่าสงสารสองคนนั้นจริงๆ นะ เธอสอนฉันร้องเพลงนี้หน่อยสินพพร
นพพร : ซ่อนตัวเองมานานเท่าไร
กีรติ : ซ่อนตัวเองมานานเท่าไร
นพพร : จะไปกลัวทำไมความรัก
กีรติ : จะไปกลัวทำไมความรัก
นพพร/กีรติ : สิ่งที่เธอไม่เคยรู้จัก
นพพร : เลยสักครั้ง
กีรติ : ไม่เคยสักครั้ง
นพพร : หากเธอลองมองมาให้ดี
นพพร/กีรติ : ฉันมีเธอในใจเท่านั้น
นพพร : แค่เพียงเธอเข้ามาใกล้กันก็จะเข้าใจ
กีรติ : ฉันจะเข้าใจ
นพพร : อาจไม่ดีราวกับเจ้าชาย
กีรติ : อาจไม่คล้ายกับคนในฝัน
นพพร/กีรติ : แต่ก็พร้อมร้อนหนาวแทนเธอ
กีรติ : ได้เสมอ
นพพร : แทนได้เสมอ
กีรติ : จะกุมมือเวลาร้องไห้
นพพร : เช็ดน้ำตานี้ให้กับเธอ
นพพร/กีรติ : อยู่ปลอบใจไม่ยอมห่างไกล ให้เธอได้รู้
นพพร : รักแท้ยังมีอยู่จริง
หนึ่งดวงใจของฉันอาจดูว่าไม่เท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันไม่ยิ่งใหญ่พอ ก็เชื่อในรัก หนึ่งดวงใจดวงเดียวจากฉันของทำให้เธอรู้จักเพียงเธอจะเชื่อเหมือนกันกับฉัน รักแท้ยังมีอยู่จริง


9.คำถาม - นพพร, กีรติ
นพพร (พูด) ทำไมคุณหญิงถึงแต่งงานกับท่านเจ้าคุณครับ
กีรติ : ทำไมเธอตั้งคำถามแบบนี้
นพพร : ก็ภาพที่เห็นทำผมสับสน ท่านเจ้าคุณและคุณหญิง ช่างต่างจากคู่แต่งงานทั่วไป
กีรติ : แตกต่างตรงไหน
นพพร : ก็เห็นดูเหินห่างกัน ดังว่าคุณหญิงโดนทิ้งบ่อยครั้ง
กีรติ : แค่ท่านมีงานเท่านั้น
นพพร : จะมีงานการอะไรทุกวัน ช่างดูพิกล
กีรติ : เธอเป็นคนช่างสงสัยน่าดู
นพพร : ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องอยากรู้
กีรติ : เธอฟังใครเขามาหรือ เรื่องราวที่คนมากมายพูดกัน
นพพร : โปรดอย่ามองผมอย่างนั้น ก็ไม่ได้สนที่ใครพูดกัน
กีรติ : อย่าคิดด่วนตัดสิน ในสิ่งที่เห็นด้วยตาเท่านั้น บางภาพที่เห็นเพียงวันข้ามวัน อาจมีอะไรกว่านั้น
นพพร : แต่ว่าคุณหญิงคือคนสำคัญ คนที่เพียบพร้อมและมีรูปโฉมงามเช่นคุณหญิง ด้วยเหตุไฉนจึงได้แต่งงาน กับคนที่วัยต่างกัน อะไรที่ทำให้ตัดสินใจ เลือกเดินร่วมทาง มีความสุขบ้างไหม ช่วงเวลาที่แต่งงาน อยู่มายิ่งอ้างว้าง
กีรติ : ฉันก็มีความสุขดี
นพพร : สุขดีอย่างไรที่เห็นด้วยตา ก็รู้ทันทีด้วยใจ
กีรติ : เธอเห็นอะไร
นพพร : ที่เห็นไม่ใช่ความรัก โปรดจงช่วยอธิบาย
กีรติ : ดูเธอจะค้านในรักต่างวัย ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ใช่ไหม
นพพร : ไม่ใช่อย่างนั้นคุณหญิง ผมเชื่อว่ารักต่างวัยนั้นมี
กีรติ : เหตุใดจึงเชื่อในรักต่างวัย ว่าเป็นไปได้ในโลกใบนี้
นพพร : บางสิ่งในใจบอกผม ว่าเป็นไปได้ถ้าเรารักกัน
กีรติ : ใช่... ถ้าเรารักกัน

10.ความสุขที่แท้จริง (Reprise) - นวล, นพพร
นวล (พูด) ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้คะ คุณนพพร
นพพร (พูด) ขอโทษครับ ผมคงพาคุณหญิงเที่ยวเพลินไปหน่อย
นวล (พูด) ถ้ามีใครมาเห็นคุณหญิงอยู่ด้วยกันกับคุณนพพรจนดึกแบบนี้ มันจะเป็นภาพที่ไม่งามนะคะ
นพพร (พูด)ผมแค่อยากเห็นคุณหญิงมีความสุขนี่ครับ

นวล : ความสุขแท้ย่อมไม่สร้างราคี ดำรงซึ่งความมีเกียรติศักดิ์ศรี
นพพร : ความสุขที่ใครนิยาม ล้วนต่างแต่ใจเลือกสรรครรลอง
นวล : คุณดูพูดจาได้มีครรลอง
นพพร : ผมเพียงรู้สึก
นวล : ต่างกับภาพวัยที่อ่อนเช่นนี้
นพพร : มองโลกในด้านดี
นวล : หวังให้คุณหญิงสุขใจ ไม่น่าจะทำเช่นนี้
นพพร : แน่ใจอย่างไร ว่าสิ่งที่ผมทำมันพลาดไป
นวล : แน่นอนฉันรู้ดีกว่าใคร
นพพร : ชีวิตเธอผ่านมาน่ะหรือ คือสุขแท้จริง
นวล : ย่อมเป็นสุขแท้จริง สุขที่แท้ที่คุณหญิงเธอมี
นพพร : ใครเล่าที่มี
นวล : สุขคือได้ดำรงเกียรติศักดิ์ศรี
นพพร : ใครเล่าที่เห็นดี
นวล : คุณอ่อนวัยเสียอย่างนี้ ต้องผ่านโลกนี้อีกไกล จึงจะได้เข้าใจ

11.พูดชัดๆ - เพื่อน, นพพร
สมบูรณ์ : อยู่โตเกียว ใจเกี่ยวก้อยคิดถึงที่บ้าน แกงส้มต้มยำ
เสรี : แค่เรื่องกินเลยใช่ไหม
พาที : ที่สยาม แกก็รู้วุ่นวายจะตาย มัวคิดเรื่องกินแค่เรื่องเดียวนั้นไม่ได้
เสรี : เราต้องเป็นเรี่ยวแรงเมืองสยามต้องก้าวไกล
สมบูรณ์ : งานกระทรวงมากมายรอไว้รับคนรุ่นใหม่
พาที : กระทรวงไหนใช้นายอาจสิ้นงบจนปิดไป
สมบูรณ์ : ทำไมวะ
พาที : ก็แกนั้นชอบแต่กิน

(นพพรเดินเข้ามา)
เพื่อน : เฮ้ย! ไอ้เสือ ไปล่าเนื้อที่ไหนทั้งวัน จนลืมเพื่อนลืมเรียนเพื่อวันหน้าที่ใฝ่ฝัน
นพพร : พูดอะไร พูดออกมาชัดๆ สักคำ
เสรี : ยังคิดเป็นนายแบงก์ที่เคยฝันหรือไม่
พาที : ดูแลเงินประเทศอาจไม่เย้ายวนเท่าไร
เสรี : การดูแลหัวใจใครคนนั้นซิเรื่องใหญ่
เพื่อน : ดูแลกันสองคนกู่จุ๊กกรูเกินห้ามใจ
นพพร : นายมาพูดจาอย่างนี้ได้อย่างไร
เพื่อน : นพพร... โปรดใจเย็น
นพพร : จะให้ยงให้เย็นทำไม แกคิดอะไรถึงได้มาดูถูกฉัน
เพื่อน : นี่จดหมาย เพิ่งมาถึงเมื่อตอนกลางวัน
นพพร : จดหมายอะไร
เพื่อน : จากหญิงของนายที่คอยส่งให้ทุกเดือน เพื่อนหญิงคนดีของนายจากเมืองสยาม

12.จดหมาย – ปรีดิ์
ปรีดิ์ : พี่นพพร สบายดีหรือไร ส่วนปรีดิ์ตอนนี้ก็ยังสบาย พี่ต้องเรียนหนัก พร้อมจะเข้าใจ ที่ไม่ค่อยตอบจดหมาย นับวันตั้งแต่ไม่พบกัน คู่หมั้นทางนี้ไม่เคยผ่อนคลาย เพราะว่าหัวใจนี้ยังวุ่นวาย ได้แต่เฝ้าห่วงพี่นพพร อาจไกลสุดฟ้าสองเราช่างไกลห่างกัน แต่ใจนี้ยังคงมั่น สายใยสัมพันธ์ไม่เคยหวั่นไหว ต่อให้เปลี่ยวเหงา ก็ยังไม่เปิดใจให้ผู้ใด ฉันจะคอยเก็บไว้ เพื่อเธอคนดี กลับมาเมื่อไรใจนี้จะเป็นของเธอ

13.รุ่มร้อน - นพพร, กีรติ
กีรติ (พูด) เป็นอะไรหรือเปล่านพพร
นพพร : เหตุใดคืนนี้ใจผมรุ่มร้อน ดูมีแต่คนมองผมแปลกไป
กีรติ : ไตร่ตรองลองมองให้ดี ว่ามีอะไรที่ทำพลาดไป
นพพร : ลองใคร่ครวญดู ผมก็ไม่รู้พลาดพลั้งตรงไหน หัวค่ำมานี้มีเรื่องมากมาย
กีรติ : อาจจะมีเรื่องที่พลั้ง อาจทำให้ใครต้องขุ่นข้องใจ...ใช่ไหมนพพร
นพพร : หรืออาจเพราะผมใกล้ชิดคุณหญิง จนท่านเจ้าคุณเกิดหึงขึ้นมา
กีรติ : ทำไมต้องหึงเราสอง เราทำอะไรผิดหรือนพพร... คิดดูให้ดี
เมื่อเราบริสุทธิ์ใจคบกัน ไม่เห็นจะต้องคิดไปให้หวั่น นอกจากจะมีคนไหนที่เริ่มใจสั่น ไม่ได้คิดเช่นนั้นอย่างเคย ซึ่งไม่ควรเลยใช่ไหมนพพร

นพพร : เมื่อเราบริสุทธิ์ใจคบกัน ต่อไปจะไม่คิดมากให้หวั่น แต่หากว่ามีคนไหนที่เริ่มใจสั่น ไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ย่อมจะไม่เหมาะสม ...เรื่องนั้นผมเข้าใจ....

กีรติ : บนฟลอร์เมื่อครู่เธอเต้นได้งาม
นพพร : คงเป็นคู่เต้นของผมเชี่ยวชาญ
กีรติ : เธอและแม่สาวคนนั้นสนิทสนมมานานหรือไร
นพพร : สนิทอย่างเพื่อนที่คุ้นต่อกัน เธออยู่นิวยอร์คเพิ่งย้ายกลับมา เธอบอกคนไทยน่ารัก ชื่นชมคนไทยว่านิสัยดี
กีรติ : หล่อนคงจะวินิจฉัยพวกเรา โดยได้เรียนรู้จากเธออย่างดี ก็ไม่ว่าใครคนไหน ได้อยู่กับเธอก็คงชื่นใจ เพราะเธอน่ารัก สมควรจะได้รักจริงจากใคร
นพพร : ถ้าหากว่าผมสมควรได้รัก ด้วยเหตุไฉนวันนี้ กลับไม่ได้รักตอบมาสักที
กีรติ : แค่อดใจรอ แล้วคนที่รักเธอเขาจะมา เพื่อบอกว่ารักเธอมากหนักหนา
นพพร : แล้วเมื่อไรจะรู้ว่าคนที่รอ ผ่านมาเมื่อไหร่
กีรติ : ขอให้มองแต่เขา ไม่นานเท่าไหร่ เธอจะเข้าใจ
นพพร : สักวันหนึ่งเราจะมีโอกาสเต้นรำด้วยกันใช่ไหม
กีรติ : สักวัน...นพพร...

14.ภาพแห่งความหลัง - นพพร
นพพร : เหมือนแมลงเม่า ใกล้ถูกไฟเผาวอดวาย อยากโบยบินให้แสนไกล แต่เปลวไฟช่างล่อใจ รู้ว่าอันตรายเหลือเกิน ไม่อาจจะตัดใจ เรายิ่งถลำเมื่อถูกความรักสั่งใจ ให้เราทำทุกๆ อย่าง เพื่อมีเธอนั้นเคียงข้าง ห้ามตัวเองไม่อยู่ จะห้ามอารมณ์อย่างไร ต่อให้เรารู้ว่าผิดเพียงไหน ภาพแห่งความหลังครั้งวันวาน ยังคงวิบวามหวามทรวงใน ภาพความสุขวันนั้น อยู่เป็นนิรันดร์ไม่ต้องสงสัย

ภาพในเหตุการณ์นั้นที่ฉันช่างหวั่นใจ ว่าถ้าลองแล้วลองเล่า จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เพราะว่าสิ่งรุนแรงมากมายที่สุดจะเกิดกับเรา เรื่องราวในวันนั้นยังจำว่าฉันทั้งเหนื่อยล้าและเป็นสุข...ที่มิตาเกะ... ภาพแห่งชีวิตเปลี่ยนไป

15.ความลับ - กีรติ
กีรติ : ความลับที่เธอคงอยากจะรู้ หัวใจที่ไม่เคยมีใครเห็น วันและคืนเหมือนหน้ากระดาษ ที่เราไม่อาจขีดเขียนเอง...เลือกชีวิตไม่ได้

เรือนร่างที่ตัวเราเฝ้าถนอม ความสวยงามไม่เคยยอมให้จางหาย รอสักคนเข้ามาสัมผัสมอบรักให้ใจดวงนี้ได้ ฉันอาจพบความสุข ได้สักวัน

วันผ่านคืน ฤดูผ่านเลย ยังไม่เคยพบใคร รักที่รอเหมือนเป็นนิยายชวนฝันของเด็กสาว จนรอบกายของฉันเปลี่ยนผัน ไม่อาจเป็นเช่นเก่า ต้องหยุดเพ้อฝันเพื่อดำรงซึ่งศักดิ์ศรี คือสิ่งสำคัญ


ชีวิตเมื่อสั่นคลอนจนอ่อนล้า ท่านเจ้าคุณได้เข้ามาในวันนั้น คนรอบกายของฉันยืนยันก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป ทางสุดท้ายต้องเลือก คือแต่งงาน จะไม่รอรักที่ต้องการ หยุดทรมานอย่างทุกวัน ฉันจึงต้องจำยอม...วิวาห์

เหตุนี้ท่านเจ้าคุณและตัวฉัน คู่กันก็ด้วยเพียงความเหมาะสม จะมีความรักบ้างหรือเปล่า ปล่อยมันเลยไปเลิกร้อนรน...ไร้เหตุผลจะรอ ยอมทำใจรับโชคชะตา ว่าเราเป็นเพียงคนโชคร้าย ไร้คนรักเคียงข้าง...ทุกอย่าง สายเกินไป...


16.หากฉันมีความรัก 1 - นพพร, กีรติ
นพพร : ไม่มีคำว่าสายไปหรอกกับความรัก หากคอยคนรักด้วยความหวัง...เขาจะมา เมื่อลงเอยได้รักใครจะเข้าใจไม่ช้า
กีรติ : เหนื่อยจนล้า จะไม่คอยมองหา ให้ใจเป็นทุกข์
นพพร : ได้รักสักครั้ง จะทำให้มีความสุข
กีรติ : ไม่มีคนรักดูสิ ไม่เห็นตาย อย่าพูดเรื่องรัก ยากเกินที่จะเข้าใจ
นพพร : อยากบอกผมรู้จัก รู้ว่าความรักเป็นเช่นไร
กีรติ : มันเป็นอย่างไรล่ะนพพร

17.หากฉันมีความรัก 2 - นพพร, กีรติ
นพพร : รักเปรียบดั่งพู่กัน ระบายความฝันสวยงามเพริศพราว ก่อนใครได้พบความรัก จิตใจดังกระดาษขาว เมื่อได้มีรักความว่างเปล่าหายไป มีรัก ดังมีพู่กันให้คอยเสกสรร โลกพลันสดใส ระบายสีฟ้าบนฟ้า สีครามบนธารกว้างใหญ่ หากใครมีรัก รักย่อมบันดาลได้ทุกอย่าง สร้างสรรค์วันใหม่

หากฉันมีความรัก จะวาดสวรรค์ของเราให้ไกลแสนไกล จะไม่มีผู้ใด มีแต่เราระบายความฝันในใจ หากฉันมีความรัก จะวาดให้รักเราเป็นนิรันดร์ ไม่มีวันร้างไกล คิดอย่างไรหากเธอนั้นมีรัก...

กีรติ : หากฉันมีคนรัก เราจะวาดฝันร่วมสร้างวิมานด้วยกัน จะร้องเพลงเต้นรำ ในสวรรค์ที่เราเสกสรรดังใจ
หากฉันมีคนรัก เราจะเคียงข้างกันจนนิรันดร์ ไม่มีวันร้างไกล คงอิ่มใจถ้าหากฉันมีรัก

18.หากฉันมีความรัก 3 - นพพร, กีรติ
กีรติ : นพพร... เธอไม่รู้หรือทำอะไรลงไป
นพพร : ทำไปเพราะผมรักคุณหญิง
กีรติ : นพพร... นี่ไม่ใช่วิธีที่เธอสมควร
นพพร : ไม่ใส่ใจ ไม่อยากรู้ว่าจะควรหรือไม่ มีเพียงความรักที่ดำรงเหนือทุกสิ่งเหนือทุกอย่าง
กีรติ : มีสติหน่อยนพพร เมื่อต่างก็รู้เรามีฐานะอย่างไร
นพพร : ต่อให้มีเหตุผลร้อยพัน อย่ายกเอาสิ่งเหล่านั้นมาห้ามใจ
กีรติ : มันถูกมันควรหรือไม่
นพพร : ไม่มีอะไรจะมีพลังยิ่งใหญ่
กีรติ : เราต่างก็ควรห้ามใจ
นพพร : กว่าความรักที่ให้คุณหญิง
กีรติ : ฟังได้ไหม
นพพร : ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร
กีรติ : ตัวฉันต้องดูแลท่านเจ้าคุณ
นพพร : เรื่องนั้นผมรู้ดี
กีรติ : ส่วนเธอต้องมุ่งเรียนใช่หรือไม่
นพพร : เรื่องนี้ผมรู้อยู่... แต่ใจ...
กีรติ : และการมาเรียนญี่ปุ่นเธอเป็นความหวังของใคร
นพพร : ไม่อยากจะสนใคร
กีรติ : จงลองใคร่คิดให้ดีอีกครั้ง
นพพร : แล้วคุณหญิงรักผมไหม
กีรติ : นพพร

นพพร : ซ่อนตัวเองมานานเท่าไร จะไปกลัวทำไมความรัก สิ่งที่เธอไม่เคยรู้จักเลยสักครั้ง
หากเธอลองมองมาให้ดี ฉันมีเธอในใจเท่านั้น...


กีรติ (พูด) นพพร เราสองคนไม่ได้อยู่บนยอดเขามิตาเกะนี้ไปตลอดชีวิต อีกไม่นานเราก็ต้องกลับ กลับไปสู่สังคมข้างล่าง สังคมที่ไม่ได้มีเพียงแค่เราสองคน สังคมที่ได้วาดภาพเราไว้แล้ว ว่าต้องเป็นอย่างไร
นพพร (พูด) แล้วภาพใหม่ที่เกิดขึ้นบนนี้ ที่นี่ล่ะครับ
กีรติ (พูด) ไม่มีใครหรอก ที่จะเห็นความงามของภาพนี้ เชื่อฉันเถอะคนดี เธอจงคิดว่ามันเป็นภาพสีน้ำสิ ภาพสีน้ำ...เมื่อโดนน้ำเมื่อไหร่ ก็จะเลือนหายไป ราวกับว่ามันไม่เคยมีภาพนั้นอยู่เลย

19.ฉันแทบใจจะขาด - หมู่มวล, นพพร, กีรติ
หมู่มวล : ใจเราจำลา จนจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ต่างคนโคจรมาเจอ เมื่อสุดท้ายทั้งฉันและเธอต้องจากลา เมื่องานเลี้ยงมีวันเลิกรา เรื่องแบบนี้เป็นธรรมดา แต่ภาพคืนวันเหล่านั้นจะคงติดตรา อยู่ประทับหัวใจ

(เสียงหวูดเรือดังขึ้น)
ได้ยินเสียงกังวานหวูดเรือ เปรียบดังเสียงหัวใจจะขาด จากพรากกันไป จะพบกันอีกไหม อีกนานสักเท่าไหร่
นพพร (พูด) คนเยอะเหลือเกินนะครับ ทำไมชีวิตเราต้องมาอยู่กับคนเยอะแบบนี้ด้วยครับ คุณหญิง
กีรติ (พูด) เราเลือกไม่ได้หรอกนพพร

นพพร : เพียงต้องการล่ำลาต่อกันโดยลำพังแค่เรา ไม่อยากลาท่ามกลางผู้คนอย่างไร้...ไร้เยื่อใย
กีรติ : เมื่อจากกันสัญญากับฉัน ต้องตั้งใจเล่าเรียน ฉันจะรอฟังเรื่องเธอที่เมืองสยาม ด้วยความตั้งใจ
นพพร : คุณหญิง โปรดคิดถึงผมนะครับ ผมจะเฝ้าคิดถึงเพียงคุณหญิง ผมจะเอาทุกความรู้สึกบรรยายเป็นตัวอักษรไป คอยส่งถึงทุกวัน
กีรติ : จะรอคอยฉันจะรออ่านจดหมายจากเธอนะนพพร....

กีรติ (พูด) ผ้าพันคอของเธอมันเก่าแล้ว โปรดเก็บผืนนี้ไว้ เป็นที่ระลึก ต่างตัวฉันนะ
กีรติ : เธอจะเป็นเพื่อนรักของฉัน จงระลึกถึงกัน โปรดอย่าลืมแม้เพียงสักวัน

(เสียงหวูดเรือดังขึ้นอีกครั้ง)
นพพร : คำพูดก็ยังมีอีกเป็นล้าน ผมจะบอกออกไปได้อย่างไร เวลามันน้อยลงทุกที ไม่มีเพียงพอให้พูดไป
กีรติ : จงพูดเท่าที่ทำได้เถิดนะ
นพพร : อยากห้ามเวลา
กีรติ : นพพร อย่ากังวล อย่าหวั่นไหว
นพพร : อยากห้ามฟ้าดิน
กีรติ : คำใดๆ ก็ตาม เป็นหมื่น เป็นล้าน จะอ่านจากสายตา
นพพร : จงอ่านผมด้วยสายตา แทนคำในหัวใจ อยากจะบอกให้รู้ว่า....ผมรักคุณหญิง ยามไกลกันเมื่อไรได้โปรดคิดถึงคนไกลคนนี้.....
กีรติ : นพพร... ฉันจะคิดถึงเธอ

(เสียงหวูดเรือดังเรียกครั้งสุดท้าย)
นพพร : ได้โปรดบอกผมมาเถิด รักผมบ้างไหม
กีรติ : นพพร... ฉันเป็นเพื่อนตายของเธอ
นพพร : ทำไมคุณหญิงไม่ตอบผมให้ได้รู้ รักกันบอกมาสักคำ
กีรติ : คำตอบตรงนี้จะทำร้ายเธอและฉัน
นพพร : บอกผม ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ที่แล้วมา รักผมหรือไม่ ...แค่พูดตรงๆ ให้ผมได้ฟัง
กีรติ : รีบไปได้โปรด นพพร....ฉันแทบใจ...จะขาด....
หมู่มวล : จากกันแล้วเราต้องจากกัน อยากจะรั้งจนใจจะขาด จากพรากกันไป จะพบกันอีกไหม อีกนานสักเท่าไหร่

-- จบ องก์ 1 --

2.คำว่ารัก - นพพร
นพพร : คำว่ารักคำเดียวที่มีให้เธอเสมอ แต่คำเดียวกันจากเธอไม่เคยได้เจอนั้นเพราะอะไร ฤดูผ่านเลย ไม่เคยมีเลยสักคำจากคนนั้นที่ห่างไกล หรือเธอไม่มีหัวใจ
กีรติ : คำว่ารักคำเดียวที่เธอเฝ้ารอเสมอ อาจมอบให้กับเธอ เธอจงอย่าถามว่าเพราะอะไร ฤดูผ่านเลย เหตุใดไม่เข้าใจกัน จะทวงถามสักกี่ครั้งถ้อยคำที่ขอไม่มี
นพพร : ถ้าเธอมีรักต่อฉัน ขอฝังได้ไหม อย่าให้รอคอยอย่างนี้
กีรติ : จะดื้อรั้นดึงดันไปใย ยอมรับความรับความจริงของเราที่มี
นพพร : ถ้าเธอไม่มีรักต่อกัน ก็จงบอกมา จะดีกว่าปล่อยอย่างนี้
กีรติ : จะคาดคั้นไปใยคนดี จะเฝ้ารอกันทำไม สักวันเธอคงเข้าใจ
นพพร : คำว่ารัก
กีรติ : ก็เพียงแค่คำว่ารัก
นพพร : คำเดียวที่ยังเฝ้ารอเสมอ
กีรติ : จะรอคำนั้นไปทำไม ไม่อาจมอบให้กับเธอ
นพพร : ก็เพียงแค่คำว่ารัก
กีรติ : เธอจงอย่าถามว่าเพราะอะไร
นพพร : จะบอกให้รู้ได้หรือไม่
กีรติ : ฤดูผ่านเลย เหตุใดไม่เข้าใจกัน
นพพร : ฤดูผ่านเลย ไม่เคยมีเลยสักคำ
กีรติ : จะทวงถามสักกี่ครั้ง ถ้อยคำที่ขอไม่มี
นพพร: หรือใจเธอนั้นไม่มี แค่พูดตรงๆให้ผมได้ฟัง

3.ไม่มีคำว่าสาย - เจ้าคุณอธิการบดี
เจ้าคุณอธิการบดี : คนเราไม่เคยมีคำว่าสาย ขอเธอจงอย่ากลัว อย่าท้อใจ สิ่งที่ฝันไว้ ยังรอเธอเอื้อมไปอยู่ไม่ไกล อยากบอกเธอว่ายังไม่สาย ขอเธอจงเชื่อฉัน จงเชื่อใจ อย่าลังเลร่ำไร จงมั่นใจและเดินก้าวไปอีกครั้ง ไปเถิดทางนั้นไปเถิด ตามฝันที่เธอมี วันพรุ่งนี้สวยงามสดใส ไปเถิดคนดีไปเถิด ด้วยรักในหัวใจ วาดความฝันให้งามเฉิดฉาย คนเราไม่เคยมีคำว่าสาย เมื่อยังมีชีวิต ลมหายใจ จากคืนวันนี้ไป จงมั่นใจและเดินก้าวไปสู่ฝัน

4.ระบายความฝัน -กีรติ
กีรติ : ฉันมีภาพฝันและฉันมีพู่กัน อยากขอระบายความฝันจากข้างใน ระบายความรักจากหัวใจ ระบายชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ให้สวยงาม ดั่งมีประกายเมื่อฉันจับพู่กัน เกิดแรงบันดาลหัวใจ ให้วาดอีกครั้ง วาดภาพดั่งใจต้องการ

5.เคยรัก - นพพร
นพพร : เคยเฝ้าคอยรักฉันเฝ้าแต่คอย เคยเฝ้าคิดถึงจนจะขาดใจ เคยมีชีวิตเพื่อเฝ้ารอใคร ใครสักคน ทุกวันข้างเดียว ที่สุดวันนั้นก็ต้องผิดหวัง ที่สุดคือฉันต้องใจสลาย เริ่มชินความเหงาและความเดียวดาย เป็นเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น เมื่อคนเคยรักคนเดิมได้ลาจากไป ไม่ต่างกับน้ำในธารที่แห้งเหือดหาย เกิดร่องรอยลึกสลักเอาไว้กรีดเป็นแผลในจิตใจ ว่าจะไม่ขอมีความรักอีกต่อไป ความเจ็บวันนั้นมากมายเสียเกินทนไหว
บอกตัวเองไว้ว่าในชาตินี้ จะไม่รักใคร ถ้าไม่ได้รักเธอ


เคยตั้งคำถามในความอ้างว้าง เมื่อไม่มีรักจะทำอย่างไร คำตอบคือฉันต้องก้าวต่อไป แม้หัวใจจะตายทั้งเป็น เมื่อคนเคยรักคนเดิมได้ลาลับไป ไม่ต่างกับน้ำในธารที่แห้งเหือดหาย เกิดร่องรอยลึกสลักเอาไว้ คอยกรีดในใจ เจ็บจนเกินจะทนไหว พอแล้ว ฉันเสียใจมาพอแล้ว ฉันย้ำตัวเองเสมอ จำไว้ว่าในชาตินี้ จะไม่รักใครต่อไป ถ้าไม่ได้รักเธอ ฉันเคยรักเธอ

6.อยากพูดให้เธอรู้ - กีรติ, นพพร, ปรีดิ์, หมู่มวล
กีรติ: ใจฉันแหลกสลายเมื่อเธอลับตา เพียงสิ่งที่ฝันที่รอตลอดมาปิดฉากลง อยากหยุดเธอไว้ อย่าเพิ่งไปได้ไหมนพพร อย่าทิ้งฉันไป รัก..รักจากเธอนั้นใยดับมอดลง ความปรารถนาที่เธอมีต่อฉันสิ้นเชื้อไฟ รู้รึเปล่าว่าฉันต้องการเธอมากเท่าใด จะพูดเช่นไร เธอไม่เข้าใจนพพร

มีอีกมากมายที่เธอไม่รู้ แม้เฝ้าพยายามที่จะบอกเธอ ซ่อนอยู่ในคำทุกคำเสมอ แววตาฉันพูดอะไร เวลาที่ฉันมองเธออาจจะยากไป เพราะฉันไม่พร้อมไม่ยอมบอกเธอใช่ไหม คงเหนื่อยกับการเฝ้ารอ เพียงการกระทำต่อเธอคงไม่เพียงพอก็เลยลงเอยเช่นนี้

อยากพูดให้เธอรู้ทุกเวลาที่เธอถาม แต่ใจดั่งถูกขวางไม่มีทางบอกคำนั้น เรื่องจริงถ้าเธอได้รู้ เธอคงไม่ทิ้งไม่ไปจากฉัน สิ่งที่กดดันฉันมันทรมาณเพียงใด สิ่งที่เธอไม่รู้ ไม่มีวันจะได้รู้ จะคงอยู่กับฉันทุกๆวันจนขาดใจ อยู่ไปไม่มีเธอแล้ว และนับจากนี้ไม่มีผู้ใด จะต้องเดียวดายอย่างนี้ในความมืดมน ไม่มีสักคนเข้าใจ

หมู่มวล : ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่าเขาสองคนที่รักสมัครใจ รอวันมาร่วมทางเพื่อสร้างชีวิตใหม่ ต่างเป็นคู่ขวัญที่ลงตัวกว่าใครๆทั้งคู่ช่างน่าเหมาะสม
นพพร/ปรีดิ์ : คนมากมายมาร่วมยินดีกับเราสองคน ใครๆก็มองว่าเราเหมาะสม ช่างโชคดี เราจะต้องพบคืนวันที่ดีที่แสนยาวไกล
กีรติ : มีอีกมากมายที่เธอไม่รู้
นพพร/ปรีดิ์ : เราอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
กีรติ: ไร้สิ้นความหมายที่เธอต้องการ
นพพร/ปรีดิ์ : เราอยู่บนทางที่คนวาดหวัง
กีรติ : เธออยู่กับคนที่เหมาะสม
นพพร/ปรีดิ์ : ที่สวยงาม
กีรติ : จึงมีอีกคนที่อ้างว้าง
นพพร/ปรีดิ์ : ไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายขอคู่เคียงกัน
กีรติ : ได้แต่ยอมทนมองเธอและเขาเคียงข้างกาย
กีรติ : ภาพในวันนี้ที่เธอกอดเขา
นพพร/ปรีดิ์ : จะกอดกายกันในคืนวิวาห์
กีรติ : ฉันต้องทนเหงาไม่มีผู้ใด
นพพร/ปรีดิ์ : ซึ่งมีเพียงเธอที่ปรารถนา
กีรติ : ยังจำว่าเคยมีคนรัก
นพพร/ปรีดิ์ : อยู่ข้างกาย
กีรติ : ยังจำวันวานอันสดใส
นพพร/ปรีดิ์ : จะเฝ้าจุมพิตแก่กันเหมือนสัญญาใจ
กีรติ : คือภาพความหมายที่เธอเป็นคนวาดไว้
กีรติ: อ้อมกอดและรอยจุมพิตที่เราเคยมี จะตราตรึงไปชั่วกาล..จนขาดใจ
*******************************************************************************

7.สร้างภาพเราให้ดูดี - พาที, เสรี, สมบูรณ์, หมู่มวล
พาที: อยู่เมืองไทยเมืองที่ใครก็ดูว่าดี เมืองยิ้มสไมล์ แม้ข้างในบึ้งเต็มที เพื่อเมืองไทยต้องทำให้คนเขามองว่าดีทำให้ชำนาญสร้างภาพเราให้ดูดี
เสรี: ทำไมจึงต้องเปลี่ยนชื่อสยามเป็นประเทศไทย
พาที: การได้เปลี่ยนชื่อใหม่ทำให้ภาพลักษณ์ดูดี
สมบูรณ์: ถ้ามันดีได้จริงจะเปลี่ยนชื่อเลยวันนี้
พาที: เปลี่ยนเพื่อ
สมบูรณ์ (พูด) ก็เผื่อว่าจะหุ่นดี ก็เปลี่ยนจากสมบูรณ์เป็นเพรียวลมไง เผื่อจะได้ดูผอมลง
รวม: อยู่เมืองไทยเมืองที่ใครก็ดูว่าดี เมืองยิ้มสไมล์ แม้ข้างในบึ้งเต็มที เพื่อเมืองไทยต้องทำให้คนเขามองว่าดีทำให้ชำนาญสร้างภาพเราให้ดูดี
เสรี: พูดถึงเรื่องสร้างภาพเซ็งชะมัดรัฐบาล เรียกประชุมให้สื่อ สร้างภาพรัฐให้งดงาม
พาที: ถ้าไม่ทำตามสั่ง
เสรี: ก็จะเรียกประชุมซ้ำ
พาที: จะให้ทุกคนช่วยหารืออีกที
เสรี: หารือว่าจะให้พวกฉันติดคุกสักกี่ปี หละไม่ว่า
รวม: อยู่เมืองไทยเมืองที่ใครก็ดูว่าดี เมืองยิ้มสไมล์ แม้ข้างในบึ้งเต็มที เพื่อเมืองไทยต้องทำให้คนเขามองว่าดีทำให้ชำนาญสร้างภาพเราให้ดูดี
เสรี: แล้วเป็นไงสมบูรณ์ เรื่องรัฐธรรมนูญ เขาแก้กันดีไหม
สมบูรณ์: จะดีหรือไม่ดีแต่ภาพพจน์เค้าดี๊ดี
พาที: แต่วิทยุเขารายงานมาว่าจะแก้กันอีกเป็นครั้งสุดท้าย จะใช้ได้ถึงร้อยปี
รวม: แน่ใจ
รวม: อยู่เมืองไทยเมืองที่ใครก็ดูว่าดี เมืองยิ้มสไมล์ แม้ข้างในบึ้งเต็มที เพื่อเมืองไทยต้องทำให้คนเขามองว่าดีทำให้ชำนาญสร้างภาพเราให้ดูดี
พาที: ทำให้
สมบูรณ์: ชำนาญไว้
เสรี: สร้างภาพให้ดูดี
รวม: ภาพพจน์เมืองไทยต้องดูดีตลอดไป

8.ภาพวันนั้น - นพพร,นวล
นพพร: จะออกไปเพื่อพบเธอ จะออกไปโดยไว แต่ยังคงได้แต่สงสัยที่คุณมา ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่ว่าคุณไม่พอใจ การที่ผม ใกล้คุณหญิง คือ ภาพอันไม่งาม
นวล: ก่อนนี้ ฉันมองภาพนั้นผิดเรื่อยมา แค่เพียงตัดสินด้วยสายตา พร่ำโทษตัวเองเมื่อรู้ว่ามองพลาดไป
สิ่งเดียว ทำให้คุณหญิงเธอยิ้มได้ ในยามเจ็บจนร้องไห้ คือภาพวันนั้นเธอเฝ้าคิดถึงไม่คลาย
นพพร: ไปกันเถอะครับ คุณนวล
****************************************************************************************************

9.สายเสียแล้ว - นพพร,กีรติ
กีรติ: คนดีนพพร
นพพร: คุณหญิงของผม ผมมาด้วยความคิดถึง
กีรติ: ขอบใจมากที่ทำให้รู้ว่า เธอยังไม่ลืมฉันเสียทีเดียว
นพพร: ยังคงระลึกถึง ไม่ลืม
กีรติ: ไม่เจอเสียนานจนเกือบจะคิดไป ว่าไม่มีทางได้พบ
นพพร: กลับมาแล้วครั้งนี้จะไม่ห่าง จะเคียงข้างตราบคุณหญิงต้องการ
กีรติ: เธอเช่นนี้ไม่ได้
นพพร: จะห้ามปรามผมทำไม
กีรติ: เธอไม่ใช่ของฉันเธอย่อมรู้
กีรติ: สถานภาพที่เราอยู่ นั้นไม่เคยเหมาะสม แวดล้อมมากมายด้วยผู้คน
นพพร : ผมไม่เคยใส่ใจ เราจะมัวไปสนทำไม
กีรติ : นพพร
นพพร : โปรดให้ผมชิดใกล้ อย่าผลักไสผมไปอีกเลย
กีรติ : สายเสียแล้วก็เห็นอยู่
นพพร : ผมไม่เข้าใจ
กีรติ : ถูกแล้วที่เธอไม่เข้าใจ และไม่ควรเข้าใจ ไม่มีเลยสักครั้งที่เธอเข้าใจฉันได้เลย ไม่เข้าใจแม้ตัวเอง
นพพร: มันอาจไม่ยากเกินไป ถ้าพูดตรงๆให้ผมได้ฟัง

กีรติ (พูด) เธอเคยบอกว่า เธออยากเห็นภาพวาดทิวทัศน์ญี่ปุ่นจากฝีมือของฉัน ฉันขอมอบภาพนี้ให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเธอ
นพพร (พูด) ...มิตาเกะ..
กีรติ (พูด) ฝีมือไม่ดีหรอกนพพร แต่มีชีวิตและดวงใจอยู่ในภาพนั้น มันจึงสมที่จะเป็นของขวัญในวันแต่งงานของเธอ จำได้ไหมนพพร ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั้น
นพพร (พูด) "ความรักของผมเกิดที่นั่น"
กีรติ (พูด) "ความรักของเรา นพพร ความรักของเธอเกิดที่นั่นแล้วก็ตายที่นั่น แต่ของอีกคนหนึ่ง ยังรุ่งโรจน์อยู่ในร่างที่กำลังจะแตกดับ"

10.ภาพแห่งชีวิต(Reprise) - นพพร
นพพร : ภาพแห่งชีวิตใครเล่าขีดเขียนขึ้นมา วาดให้คนได้พบกันจวบจนวันที่ร่ำลา ระบายความตรึงตาหัวใจ ภาพแห่งชีวิตใครจะขีดเขียนต่อไป หากคนหนึ่งต้องหายไป แต่อีกคนยังหายใจ
หมู่มวล : ฮูว์..................
นพพร (พูด) ก่อนหน้าที่คุณหญิงจะสิ้นใจ เธอขอดินสอกับกระดาษ เธอต้องการจะพูดประโยคสุดท้ายกับข้าพเจ้า แต่หมดเสียง หมดเรี่ยวแรง เธอจึงเขียนลงบนกระดาษว่า “ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจ ว่าฉันมีคนที่ฉันรัก”
นพพร : อาจเป็นเพียงภาพที่ใครต่างมองข้ามไป มีแค่เราเข้าใจเรื่องราวข้างใน จะจดจำไว้จนวันตาย
***************************************************************